เมื่อวันที่ 24 ส.ค. กำลังพลจากกรมทหารม้าที่ 2 กองพันทหารม้าที่ 7 ค่ายพิชัยดาบหักจังหวัดอุตรดิตถ์ ลงพื้นที่บ้านเลขที่ 4/1 หมู่ 9 ต.น้ำหมัน อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นบ้านของ นายหล้า หรือ ลุงหล้า ปานานนท์ อายุ 65 ปี หรือ “ลุงหล้า กะลาสู้ชีวิต” ที่แม้ร่างกายจะพิการป่วยอัมพฤกษ์พิการท่อนล่าง ไม่สามารถเดินได้มานานกว่า 13 ปี ไม่คิดท้อต่อโชคชะตา ขอสู้แม้ร่างกายจะพิการ คิดสร้างสรรค์ ประดิษฐ์ กระบวย ทัพพี ถ้วย ช้อน ไม้เก่าหลัง เพิ่มลาดลายให้สวยงาม จากกะลามะพร้าว สร้างรายได้ จุนเจือเลี้ยงครอบครัวถึง 13 ปี
ลุงหล้า ซึ่งนอนอยู่บนรถวีลแชร์ กล่าวด้วยสีหน้าเศร้าว่า ทั้งนี้สืบเนื่องจากฝนที่ตกอย่างหนัก ส่งผลให้น้ำป่าจากภูเขาสูง ไหลลงคลองน้ำหมัน ทะลักเข้าท่วมบ้านและเพิงไม้ชั้นเดียว ที่ลุงหล้าใช้นอนทำกะลา มาตลอด 13 ปี พังเสียหาย ซากปรังหักพัก ต้นไม้กิ่งไม้ที่ถูกกระแสน้ำป่าพัดมาเป็นจำนวนมาก กระแทกตัวบ้านลุงหล้า พังเสียหาย ความแรงของกระแสน้ำกัดเซาะตลิ่งทำให้เพิงไม้ไผ่ ที่ลุงหล้าใช้ประดิษฐ์ เก็บอุปกรณ์ต่างๆ ทรุดตัว กระแสน้ำพัดอุปกรณ์รวมไปถึงกะลามะพร้าวไหลไปกับกระแสน้ำ
“ไม่เคยคิดว่า ผมและครอบครัวจะต้องมาประสบเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากอีกครั้งในรอบ 14 ปี เพราะสาเหตุที่พิการเนื่องจาก ปี 2549 ผมทำหน้าที่อาสาสมัคร อปพร.ประจำหมู่ตำบลน้ำหมัน ออกช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยดินโคลนถล่มตำบลน้ำหมัน จนมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงและพิการในที่สุด และในปี 2549 บ้านพังเสียหาย หลังรู้ว่าพิการอัมพฤกษ์ท่อนล่างตลอดชีวิต ไม่ท้อ ยังมี 2 มือ 2 สายตา 1 หัวใจ และอีกหลายกำลังใจของครอบครัวคิดสร้างสรรค์ ประดิษฐ์ กระบวย ทัพพี ถ้วย ช้อน ไม้เก่าหลัง เพิ่มลาดลายให้สวยงาม จากกะลามะพร้าว สร้างรายได้ จุนเจือเลี้ยงครอบครัว แม้จะนอนประดิษฐ์กะลา ถึง 13 ปี ช่วงโควิด-19 ได้รับผลผกระทบกว่าจะผ่านมาได้ และเริ่มมีออเดอร์ สั่งผ่าน เพจ กะลามะพร้าวลุงหล้า หรือหมายเลขโทรศัพท์ 065-010-4468 ทำให้สมาชิกทุคนในครอบครับมีงานและมีรายได้” ลุงหล้า กล่าว
กระทั่งเช้ามืดวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา เกิดน้ำป่าไหลหลากอย่างรวดเร็วและความสูงกว่า 2 เมตร มาพร้อมซากปรังหักพัง ทะลักเข้าท่วมตำบลน้ำหมัน รวมทั้งบ้าน และเพิงไม้ไผ่ประดิษฐ์กะลา พังเสียหาย โชคดีที่เจ้าหน้าที่นำเรือเข้ามาช่วยตนและทุกคนในครอบครัวออกไปพักที่ รพ.สต.น้ำหมัน เป็นการชั่วคราว พอน้ำลดเข้าสู่ภาวะปกติ จึงกลับมาดูบ้านสิ่งของเครื่องใช้ถูกน้ำท่วม ขณะที่เพิงไม้ไผ่ซึ่งเป็นสถานที่ทำมาหากินน้ำป่ากัดเซาะตลิ่งทรุด อุปกรณ์ต่างๆ ไหลไปกับกระแสน้ำ มะพร้าวห้าว 3,000 ลูก ที่ซื้อเตรียมไว้ประดิษฐ์ถ้วย ซ้อนจากกะลา และสิ่งประดิษฐ์จากกะลาที่ทำสำเร็จเตรียมส่งให้ลูกค้าอีกกว่า 100 ชิ้นถูกกระแสน้ำพัด ไม่มีเหลือ สูญรายได้ไปกว่า 4 หมื่นบาท
ทั้งนี้ก่อนอพยพออกจากบ้าน ขอให้ลูกๆ ช่วย ยกรถวีลแชร์ไฟฟ้าไว้บนที่สูง เพราะหากพังหรือไหลไปกับน้ำ ตนคงไม่มีใช้ในการประกอบอาชีพ และต้องกลายเป็นภาระของครอบครัว ที่ต้องอุ้ม เคลื่อนย้ายไปไหนต่อไหน ขณะที่วัสดุอุปกรณ์ทั้ง สว่าน อุปกรณ์ขัดเงา อุปกรณ์แกะลวดลาย ไปกับกระแสน้ำ แม้จะให้ลูกๆ ออกตามหาหลังน้ำลด ก็ไม่เจอ ทุกอย่างต้องเริ่มใหม่ ช่วงนี้กำลังรื้อซากปรังหักพังต่างๆ จากนั้นต้องซ่อมแซมเพิงไม้ไผ่ ถ้าอันตรายหรือสุ่มเสี่ยงต้องย้ายสร้างใหม่ และไม่หยุดที่จะสร้างอาชีพด้วย การประดิษฐ์ของใช้ต่างๆ จากกะลามะพร้าว จากของเหลือใช้ในชุมชน กลายเป็นงานหัตถกรรม งานศิลปะ ที่สวยงามและสร้างรายได้ให้กับครอบครัว หากสนใจ สอบถามและสั่งซื้อผลิตภัณฑ์จาก กะลามะพร้าวได้ที่ เพจกะลามะพร้าวลุงหล้า
ขอขอบคุณ https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_4772721