ข่าวจากหน้ากลางไทยรัฐ ฉบับวันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 63 นายว้าก รายงาน
“วันรับปริญญา” หนึ่งเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของหลายๆ คน เป็นวันแห่งความชื่นชมยินดีของบัณฑิต ผู้มุ่งมั่นพากเพียรจนสำเร็จการศึกษาด้วยความภาคภูมิใจ
โดยปีนี้มีบัณฑิตอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องพยายามฟันฝ่าอุปสรรคมากกว่าบัณฑิตคนอื่นๆ เนื่องจากมีความบกพร่องทางด้านร่างกาย แต่เพราะด้วยพลังใจเต็ม 100 ทำให้สามารถก้าวข้ามอุปสรรคและข้อจำกัดจนประสบความสำเร็จในชีวิต และเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในครั้งนี้อย่างเต็มภาคภูมิ นายว้ากจึงไม่ประหลาดใจที่จะไปเจ๊าะแจ๊ะถามไถ่เคล็ดลับและความประทับใจของว่าที่บัณฑิตป้ายแดงในครั้งนี้
เริ่มที่ “แฟลช” ชรัส ลิมป์พงษ์สวัสดิ์
ว่าที่บัณฑิตคณะวิศวกรรมศาสตร์เกียรตินิยมอันดับ 1 ยิ้มก่อนจะบอกว่า “แม้ผมจะไม่สามารถใช้มือทั้งสองข้างได้ตามปกติ แต่ความบกพร่องทางด้านร่างกายก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตในรั้วจุฬา”
ผมทุ่มเทเต็มที่ให้กับการเรียนสี่ปีที่ผ่านมา โดยตั้งใจเรียนในห้องเรียนและทบทวนสิ่งที่เรียนมาหลังเลิกเรียน นอกจากนี้ผมยังแบ่งเวลาจากการเรียนเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ทั้งกิจกรรมค่าย เป็นสมาชิกสภานิสิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งได้เข้าร่วมกิจกรรมเกี่ยวกับการร้องเพลงที่ผมรัก โดยเป็นนักร้องวง CU Chorus และได้มีโอกาสเข้าร่วมการประกวดร้องเพลง CU Singing Contest เข้าถึงรอบ 10 คนสุดท้าย
ในระหว่างที่เรียนเพื่อนๆ มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผมประสบความสำเร็จในวันนี้ ช่วยแชร์ความรู้ทางวิชาที่เราถนัดและไม่ถนัด ส่วนอาจารย์และเจ้าหน้าที่คณะก็ให้การดูแลเป็นอย่างดี ที่คณะจะมีห้องน้ำแบบพิเศษให้บริการสำหรับนิสิตที่พิการเนื่องจากผมไม่สามารถเข้าห้องน้ำแบบปกติได้
แต่ก็อยากให้เพิ่มเติมในเรื่องของทางเดินที่เหมาะกับทุกคน อยู่ในที่ร่มก็สามารถเดินไปยังที่ต่างๆ ได้โดยไม่เปียกฝน มีลิฟท์ตามอาคารต่างๆเพิ่ม นอกจากนั้นการลดช่องว่างของบางกิจกรรมและเพิ่มช่องทางที่ช่วยตอบสนองความต้องการที่มีความแตกต่างอย่างครบถ้วน เป็นสิ่งที่สามารถผลักดันข้อจำกัดของทุกคนขึ้นไปได้อีก
ขณะที่ “จ๊ะโอ๋” ธนัชชา โอภาณุรักษ์
ว่าที่บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ ที่มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง และได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเป็นกรณีพิเศษ เผยถึงการเรียนให้ประสบความสำเร็จว่าจะต้องบริหารจัดการเวลาให้ดี พยายามฟังอาจารย์สอนในห้องเรียนและทบทวนบทเรียนหลังเลิกเรียน ตลอดจนตั้งคำถามพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆ
4 ปีในจุฬาได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์เพื่อนๆ ในคณะและมหาวิทยาลัยอย่างดี ล่าสุดคือการซ้อมรับปริญญาซึ่งรู้สึกประทับใจมาก หลังจบการศึกษาแล้ว จ๊ะโอ๋เตรียมตัวสอบเนติบัณฑิต เพื่อที่จะสอบเป็นอัยการต่อไป ส่วนตัวแล้วจ๊ะโอ๋มองว่า แต่ละคนมีความหลากหลายที่แตกต่างกันทั้งด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจ อยากให้ทุกคนหันมาสนใจคนรอบข้างให้มากขึ้นเพื่อสังคมจะได้น่าอยู่ ทั้งจ๊ะโอ๋มองว่าบางส่วนยังขาดการมองเห็นความสำคัญในเรื่องโอกาสและความเท่าเทียมสำหรับผู้พิการในการใช้ชีวิตร่วมกับคนปกติ เช่น
-ทางเท้าไม่มีทางลาด
-รถโดยสารสาธารณะไม่มีบันไดสำหรับผู้พิการ
“วิน” ปวิน เปี่ยมไทย
ปิดท้ายที่ “ปั้น” ประวิทย์ ดีเลิศวงศ์
ถ้าเป็นไปได้อยากให้เพิ่มในเรื่องของการเข้าถึงพื้นที่ต่างๆสำหรับผู้ที่ต้องใช้วีลแชร์ ให้มากขึ้น
ส่วนอนาคตผมอยากรับราชการเป็นผู้พิพากษา แต่ยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควร ขณะนี้ภาครัฐให้พื้นที่สำหรับผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกายพอสมควร ส่วนในภาคเอกชนก็ยังไม่ค่อยได้รับโอกาสมากนัก อยากให้การเปิดโอกาสในส่วนนี้ให้มากขึ้น
เห็นมุมมองแง่คิดดีดีและความมุ่งมั่นของเหล่าว่าที่บัณฑิตป้ายแดงจากรั้วจามจุรีแล้ว นายว้ากขอร่วมแสดงความยินดีและขอกดไลท์แบบรัวรัวชื่นชมในความวิริยะอุตสาหะก้าวสู่ความสำเร็จในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต