จากกรณีที่ แทมมี ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิก สหรัฐ ร่วมกับ คณะกรรมาธิการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภาสหรัฐ ออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในไทย ย้ำว่า ไทยเป็นหุ้นส่วนที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ทั้งในแง่ความมั่นคง และเศรษฐกิจ ชาวไทยภูมิใจในประวัติศาสตร์การปฏิรูปประชาธิปไตยของประเทศ และเรียกร้องให้ผู้นำไทยฟังเสียงของประชาชน ทำให้ เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย โดยนักแสดงสาวอย่าง จันทร์จิรา จูแจ้ง ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้ว่า “พิการซ้ำซ้อน” ซึ่งทำให้หลายคนเกิดความไม่พอใจขึ้น ว่าการใช้คำเช่นนี้เป็นการไม่ให้เกียรติคน บูลลี่ อีกทั้ง แทมมี่ ดักเวิร์ธ เป็นคนที่มีความสามารถ กว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ และกล่าวว่า เธอเป็นคนมีความสามารถ เพราะเสียขาไปจากการทำสงครามที่อิรัก
สำหรับ พันโทหญิง ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ เป็นที่รู้จักกับคนไทย ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2555 หลังการเลือกตั้งใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้สมัครอดีตทหารผ่านศึก ปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยนักบินเฮลิคอปเตอร์ ร่วมรบในสงครามอิรัก ก่อนที่จะถูกยิงโจมตีขณะบินออกลาดตระเวนเมื่อปี 2547 ทำให้สูญเสียขาทั้ง 2 ข้าง ทำให้เธอเบนเข็ม หันมาอุทิศชีวิตให้กับการกุศล และเข้าสู่เส้นทางการเมือง ในฐานะสมาชิกพรรคเดโมแครต สร้างประวัติศาสตร์การเป็นคนอเมริกัน สายเลือดไทยคนแรกที่ชนะเลือกตั้ง ส.ส.คว้าเก้าอี้ในเขตเลือกตั้งที่ 8 ของมลรัฐ อิลลินอยส์ และได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วย รมว.กระทรวงกิจการทหารผ่านศึก
แทมมี ดำรงตำแหน่ง ส.ส.ติดกัน 2 สมัย ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2556-3 มกราคม 2560 ก่อนจะลงสมัครชิงตำแหน่ง ส.ว.แห่งรัฐอิลลินอยส์ เมื่อปี 2559 ซึ่งจะครบวาระในวันที่ 3 มกราคม 2566 สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้พิการคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกสหรัฐ ไม่นานมานี้ เธอได้รับความสนใจจากทั่วโลกอีกครั้ง เมื่อมีชื่อ เข้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ของ โจ ไบเดน
มติชน ได้ย้อนเอาบทสัมภาษณ์ ของ แทมมี่ ดักเวิร์ธ ที่เคยเผยแพร่ลงใน นสพ.มติชน เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 ขณะแทมมีเดินทางมาประเทศไทย เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
ครั้งนั้น แทมมี่ กล่าวว่า ยังระลึกและภูมิใจเสมอ ที่ได้เกิดเป็นคนไทย เพราะสายเลือดครึ่งหนึ่งได้จากแม่คนไทย แม้ไม่ได้กลับมาเมืองไทยหลายปี แต่ก็รู้สึกได้ว่าหญิงไทยก้าวหน้ามากขึ้นในหลาย ๆ ด้าน และรู้สึกภูมิใจมากที่มีเชื้อสายไทย เพราะความสำเร็จต่าง ๆ เกิดขึ้นได้เพราะว่าได้เริ่มต้นชีวิตที่ประเทศไทย การที่ได้เดินทางกลับมาประเทศไทยในฐานะ ส.ส.สหรัฐ จึงรู้สึกดีเป็นพิเศษ
แทมมี มองว่า ความพิการของเธอนั้น เป็นโอกาส
“เป็นข้อดีเสียด้วยซ้ำ ที่แทมมีเป็นผู้หญิงพิการที่มีเชื้อชาติไทย เพราะมันทำให้แทมมีได้เห็นปัญหาหลาย ๆ อย่างโดยตรง เช่น ปัญหาการหลบเข้าเมือง หรือสวัสดิการที่คนพิการควรได้รับ และถือว่าโชคดี ที่เราเข้ามาทำงานในช่วงที่กฎหมายให้สิทธิคนพิการมาก ไม่ว่าอยากจะทำอะไรก็ได้ทำ เราคิดเพียงแค่ว่า เราต้องการทำเพื่อประเทศชาติ นั่นก็คือสาเหตุที่อุปสรรคทั้งหลายหมดไป”
ทั้งนี้ ยังได้พูดถึงศักยภาพของผู้หญิงด้วยว่า ในอดีต แทมมีเคยไปเรียนขับเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งมีผู้หญิงน้อย ทั้งที่ผู้หญิงก็สมัครได้ แต่ผู้หญิงกลับไม่ยอมสมัคร เพราะไม่คิดว่าทำได้ หลายครั้งที่ผู้หญิงไปจำกัดตัวเอง
“สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องหาดุลยภาพที่เหมาะกับชีวิตของเรา อาจจะยากหรือต้องเสียสละบ้าง และอาจจะยากที่ผลักดันตัวเองให้กระตือรือร้นในการทำงาน แต่เพื่อเปลี่ยนแปลงในอนาคต ผู้หญิงต้องลุกขึ้นมาจากกรอบเก่า ๆ อย่ากลัวที่จะผิดพลาด และก้าวเดินต่อไป ต้องต่อสู้ต่อไป เพื่อให้ผู้หญิงรุ่นต่อจากเราประสบความสำเร็จมากกว่าเรา”
“ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงจากพื้นที่ใด จะพิการหรือไม่ สำคัญอยู่ที่เริ่มขึ้นมาทำอะไรสักอย่างด้วยความพยายาม แล้วมันจะดีขึ้นเอง”