บอร์ด สปสช. คุ้มครองเด็กไทยที่มีปัญหาการได้ยิน เพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่ 2 รายการ ในปี 2564 “คัดกรองการได้ยินในทารกกลุ่มเสี่ยง” “รายการอุปกรณ์ประสาทหูเทียม” ดูแลเข้าถึงการรักษา หนุนพัฒนาการที่ดี
วานนี้ 27 ม.ค. 2564 ฝ่ายสื่อสาร สปสช. รายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2563 ซึ่งมี อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. เป็นประธาน มีมติเห็นชอบเพิ่มสิทธิประโยชน์การตรวจคัดกรองการได้ยินในทารกแรกเกิดกลุ่มเสี่ยง และการผ่าตัดฝังประสาทหูเทียมในกรณีที่ตรวจคัดกรองแล้วมีปัญหาหูหนวก ซึ่งจะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการสมวัยและไม่สูญเสียโอกาสทางสังคม
อนุทิน เปิดเผยว่า การได้ยินเป็นพื้นฐานสำคัญของการพูดและพัฒนาการทางภาษา โดยเฉพาะเด็กในช่วงอายุ 3 ปีแรกของชีวิต หากมีความผิดปกติทางการได้ยินจะส่งผลกระทบโดยตรงกับพัฒนาการทั้งการพูด ภาษา การเข้าสังคม การเรียน ภาวะจิตใจ ความจำ พฤติกรรม อารมณ์ และการสูญเสียโอกาสทางสังคม จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว จากข้อมูลองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รายงานสถานการณ์ความผิดปกติทางการได้ยิน โดยในปี 2555 เป็นความพิการที่พบมากเป็นลำดับที่ 3 ของโลก ในประชากรโลก 7,000 ล้านคน พบความพิการทางการได้ยินมากถึง 360 ล้านคน หรือคิดเป็น 5.3% และในจำนวนนี้เป็นความพิการในเด็ก 9% โดยภาวะสูญเสียการได้ยินนี้เกิดจากสาเหตุที่ไม่สามารถป้องกันได้ 40% ส่วนใหญ่เป็นความผิดปกติทางพันธุกรรม ส่วนอีก 60% เกิดจากสาเหตุที่ป้องกันได้ เช่น การติดเชื้อขณะอยู่ในครรภ์ ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดระหว่างคลอด ได้รับยาที่มีผลต่อหูชั้นใน ได้ยินเสียงดังเป็นเวลานาน เป็นต้น
สำหรับประเทศไทย มีรายงานการศึกษาความชุกของการสูญเสียการได้ยินในประเทศไทย อยู่ที่ร้อยละ 0.2 – 0.5 ขณะที่การศึกษาโครงการทะเบียนประสาทหูเทียมในเด็กแรกเกิดปกติ พบอัตราความพิการทางการได้ยิน 1.7 ต่อเด็กแรกเกิด 1,000 คน ในจำนวนนี้ 1 ใน 3 ยังเป็นผู้พิการทางการได้ยินระดับหูตึงรุนแรงถึงหูหนวก ดังนั้นเมื่อพิจารณาเด็กแรกเกิดทั้งประเทศ จากจำนวน 656,571 คนในปี 2560 คาดประมาณการณ์ว่าจะมีเด็กหูหนวกจำนวน 328 คนต่อปี
อนุทิน กล่าวต่อว่า ความพิการทางการได้ยินที่เกิดกับเด็กไทยนี้ ในทางการแพทย์แก้ไขด้วยการผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียม ซึ่งทางบอร์ด สปสช. ให้ความสำคัญต่อการดูแลเด็กไทยเพื่อให้มีพัฒนาการที่ดี ดังนั้นได้เห็นชอบบรรจุสิทธิประโยชน์ “รายการอุปกรณ์ประสาทหูเทียมชนิด Rechargeable” สำหรับการผ่าตัดฝังประสาทหูเทียมในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปีที่มีระดับการได้ยิน 90 dB ขึ้นไป และไม่เคยฝึกภาษามือ คาดว่ามีกลุ่มเป้าหมายที่ต้องรับการรักษาราว 33 คน โดยระหว่างนี้ สปสช. อยู่ระหว่างการต่อร่องราคาค่าประสาทหูเทียมให้ต่ำกว่าชุดละ 600,000 บาท
ขณะเดียวกันเพื่อให้เกิดการเข้าถึงบริการ บอร์ด สปสช. ยังได้เพิ่มเติมสิทธิประโยชน์ตรวจคัดกรองการได้ยินในเด็กแรกเกิดกลุ่มเสี่ยง กำหนดกลุ่มเป้าหมายไว้ที่ 30,434 คน ประมาณการณ์ค่าใช้จ่ายไว้ 12.33 ล้านบาท ครอบคลุมการตรวจการได้ยิน 2 รายการ คือ 1. การตรวจคัดกรองด้วยการวัดการสะท้อนกลับของเสียงที่เกิดขึ้นในหูชั้นใน (OAE) โดยใช้เครื่องมือใช้วัดการสะท้อนกลับของเสียงที่เกิดขึ้นในหูชั้นใน เพื่อตรวจสอบการทำงานของเซลล์ประสาทว่าปกติหรือไม่ และ 2. การตรวจได้ยินระดับก้านสมองแบบคัดกรอง (A-ABR) เป็นการวัดคลื่นประสาทที่เกิดจากการตอบสนองด้วยเสียงกระตุ้น
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า สิทธิประโยชน์ใหม่ทั้ง 2 รายการนี้ เป็นสิทธิประโยชน์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปี 2564 นี้ โดยสิ่งดี ๆ ที่บอร์ด สปสช. มุ่งมั่นมอบให้กับประชาชน เป็นความคุ้มครองคุณภาพชีวิตเด็กไทยที่มีปัญหาการได้ยิน ให้ได้รับการรักษาแรกเริ่มตั้งแต่ในช่วงปฐมวัย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญนำเด็ก ๆ เหล่านี้ไปสู่พัฒนาการที่ดีและจะเป็นอนาคตของประเทศชาติต่อไป