เนื่องจากระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยความพิการให้คนพิการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้ผู้พิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการสามารถยื่นเรื่องขอใช้สิทธิรับเบี้ยความพิการได้ทันที่โดยไม่ต้องรอปีงบประมาณถัดไป (ยื่นเรื่องภายในเดือนนี้รับเบี้ยผู้พิการได้ในเดือนถัดไป) ทำให้ไม่สามารถกำหนดจำนวนและงบประมาณได้อย่างเฉพาะเจาะจง จึงทำให้เกิดปัญหางบประมาณที่ได้รับจัดสรรไม่เพียงพอในการจ่ายเบี้ยยังชีพ
‘คนพิการ’ เป็นทรัพยากรส่วนหนึ่งของประเทศ มีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกับบุคคลอื่นในสังคม แต่เนื่องจากสภาพของความพิการทำให้เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิต รัฐจึงต้องให้การช่วยเหลือและดูแล คุ้มครองและป้องกันไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติ จึงได้มีการกำหนดพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการขึ้นเพื่อกำหนดสิทธิขั้นพื้นฐานและป้องกันการเลือกปฏิบัติสำหรับคนพิการ
โดยได้กำหนดการให้ความช่วยเหลือดูแลคนพิการไว้ในแผนพัฒนาประเทศระดับต่างๆ ได้แก่ แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมภายใต้แผนแม่บทประเด็นความเสมอภาคและหลักประกันทางสังคม แผนแม่บทย่อยมาตรการแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะกลุ่ม
เป้าหมายคือ มีระบบและกลไกในการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน โดยการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการพื้นฐานทางสังคมของภาครัฐ เพิ่มการจัดสวัสดิการสังคมให้แก่กลุ่มเป้าหมายอย่างเพียงพอและเหมาะสม
‘สวัสดิการเบี้ยยังชีพคนพิการ’ เป็นสวัสดิการที่รัฐพึงจัดให้กับผู้พิการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 มาตรา 20 (9) สำหรับผู้พิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและขึ้นทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพความพิการตามระเบียบที่กำหนด โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้ดำเนินงานด้านการจ่าย เนื่องจากเป็นหน่วยงานรัฐที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้พิการมากที่สุดที่จะสามารถทำให้ผู้พิการสามารถเข้าถึงสวัสดิการของรัฐได้อย่างทั่วถึง และจากข้อมูลของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นพบว่าผู้พิการส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกล
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้สืบค้นข้อมูลจากรายงานการติดตามและประเมินผล ประจำปีงบประมาณ 2564 โครงการสนับสนุนการเสริมสร้างสวัสดิการทางสังคมให้แก่ผู้พิการหรือทุพพลภาพ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย จัดทำโดยกองประเมินผล 1 สำนักงบประมาณ พบรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
‘โครงการสนับสนุนการเสริมสร้างสวัสดิการทางสังคมให้แก่ผู้พิการหรือทุพพลภาพ’ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย เป็นโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในส่วนของงบเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านสวัสดิการทางสังคมให้แก่คนพิการหรือทุพพลภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด จัดสรรในแผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ลักษณะของโครงการเป็นการช่วยเหลือ เป็นเงินรายเดือนให้แก่ผู้พิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและขึ้นทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพความพิการตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยความพิการให้คนพิการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
โดยในปีงบประมาณ 2564 ได้มีการปรับเพิ่มเบี้ยคนพิการจาก 800 บาทเป็น 1,000 บาท สำหรับคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและขึ้นทะเบียน ขอรับเบี้ยยังชีพที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี และคนพิการที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปและมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (โดยจะจ่ายในระบบเบี้ยยังชีพปกติจำนวน 800 บาท และจ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 200 บาท) อีกทั้งรัฐยังได้พัฒนาระบบการจ่ายเบี้ยยังชีพคนพิการให้มีความถูกต้อง รวดเร็ว คล่องตัว ไม่ซ้ำซ้อนและตรงเวลา โดยการบูรณาการระบบฐานข้อมูลระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมการปกครอง และกรมบัญชีกลาง และพัฒนาระบบการจ่ายเงินให้สะดวกขึ้นโดยกรมบัญชีกลางจะเป็น ผู้ดำเนินการเบิกจ่ายแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้พิการโดยตรงทุกวันที่ 10 ของเดือน
ผลการดำเนินการ
ในปีงบประมาณ 2564 โครงการดังกล่าวมีเป้าหมาย/ตัวชี้วัดในการดำเนินงาน คือ จำนวนผู้พิการหรือทุพพลภาพที่ขึ้นทะเบียนได้รับการสงเคราะห์เบี้ยยังชีพความพิการจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 1,732,401 คน (เอกสารงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564) จากข้อมูลของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2564 พบว่า มีการจ่ายเบี้ยยังชีพให้กับคนพิการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณผ่านกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นแล้ว จำนวน 7,558 แห่ง รวมทั้งสิ้น 1,782,654 คน สามารถจำแนกได้ ดังนี้
- เทศบาลเมืองจำนวน 10 แห่ง จำนวน 4,528 คน
- เทศบาลตำบล จำนวน 2,244 แห่ง จำนวน 536,314 คน
- องค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 5,304 แห่ง จำนวน 1,241,812 คน
ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 16,631.0496 ล้านบาท โดยจ่ายตามอัตรา ดังนี้
- คนพิการที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ได้รับ 1,000 บาทต่อคนต่อเดือน
- คนพิการที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ได้รับ 800 บาทต่อคนต่อเดือน
ผลการใช้จ่ายงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 – 2562 ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นคิดเป็น 24.25% ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนคนพิการที่เพิ่มขึ้น ส่วนในปีงบประมาณ 2563 ได้รับการจัดสรรงบประมาณลดลงจากปีงบประมาณ 2562 คิดเป็น 3.21% และในปีงบประมาณ 2564 ได้รับการจัดสรรงบประมาณลดลงจากปีงบประมาณ 2563 คิดเป็น 5.57% เนื่องจากจำนวนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นต้องจัดสรรงบประมาณโครงการดังกล่าวให้มีจำนวนลดลง
เมื่อพิจารณาการจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ 2564 พบว่า กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้รับการจัดสรรงบประมาณในโครงการสนับสนุนการเสริมสร้างสวัสดิการทางสังคมให้แก่ผู้พิการหรือทุพพลภาพ จำนวน 16,631.0496 ล้านบาท ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 มีการเบิกจ่ายจำนวน 17,871.6785 ล้านบาท คิดเป็น 107.45%
ผลการเบิกจ่ายเกินกว่าแผน เนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2563 เห็นชอบให้ปรับสวัสดิการเบี้ยความพิการจาก 800 บาท เป็น 1,000 บาทต่อคนต่อเดือน สำหรับคนพิการที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีและมีบัตรประจำตัวคนพิการ โดยกำหนดให้เริ่มจ่ายในปีงบประมาณ 2564 เป็นต้นไป จำนวนส่วนที่ปรับเพิ่มกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นไม่มีการเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณไว้จึงต้องขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมจากสำนักงบประมาณ จึงทำให้ผลเบิกจ่ายเกินงบประมาณรายจ่ายที่ได้รับการจัดสรรตาม พ.ร.บ.
เมื่อพิจารณาจากภาพรวมการใช้จ่ายงบประมาณในแต่ละปี พบว่า มีการใช้จ่ายงบประมาณเกินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรตาม พ.ร.บ. ทุกปี ยกเว้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 เนื่องจากระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยความพิการให้คนพิการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 กำหนดให้คนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการสามารถยื่นขอรับเบี้ยยังชีพคนพิการได้ทันที (ลงทะเบียนเดือนนี้รับเบี้ยยังชีพเดือนหน้า) โดยไม่ต้องรอรับเบี้ยยังชีพในปีงบประมาณถัดไปจึงทำให้ระหว่างปีมีจำนวนคนพิการที่ได้รับเบี้ยยังชีพเพิ่มขึ้นจากที่กำหนดไว้
ฉะนั้น ในภาพรวมจะเห็นได้ว่า ทุกพื้นที่มีผู้พิการได้รับเบี้ยยังชีพครบทุกพื้นที่แล้ว และเมื่อเปรียบเทียบจำนวนคนพิการที่ได้รับเบี้ยยังชีพจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในปีงบประมาณ 2564 กับจำนวนคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ จำนวน 2,096,931 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564) คิดเป็น 85.01%
ผลการวิเคราะห์ความคุ้มค่า
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ดำเนินการจ่ายเบี้ยยังชีพสำหรับคนพิการในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในความรับผิดชอบครบถ้วนตามจำนวนที่กำหนดไว้แล้ว รวมทั้งคนพิการที่เพิ่มขึ้นจากแผนที่กำหนดไว้ และงบประมาณที่มีการเบิกจ่ายมีความเหมาะสมสอดคล้องกับจำนวนผู้พิการที่ได้รับเบี้ยยังชีพ ถือว่าบรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
เมื่อพิจารณาจากแบบสอบถามผู้พิการกลุ่มตัวอย่างที่ถือเป็นกลุ่มผู้มีส่วนได้ประโยชน์โดยตรงพบว่า ผู้พิการกลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจต่อโครงการในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยผู้พิการกลุ่มตัวอย่างให้ความเห็นว่าเบี้ยยังชีพที่ได้รับนำไปใช้ซื้อสิ่งของอุปโภคและบริโภคสำหรับตนเองเป็นหลัก และเบี้ยยังชีพที่ได้รับยังถือเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้พิการในการดำรงชีวิต
ข้อมูลผลการสำรวจความพึงพอใจของผู้พิการกลุ่มตัวอย่างต่อโครงการในภาพรวม พบว่า ผู้พิการกลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจต่อโครงการในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย 8.81) และมีผู้พิการกลุ่มตัวอย่างประเมินความพึงพอใจในระดับมากที่สุดคิดเป็น 87.64%
ปัญหาและอุปสรรค
- ด้านงบประมาณ
เนื่องจากระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยความพิการให้คนพิการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้ผู้พิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการสามารถยื่นเรื่องขอใช้สิทธิรับเบี้ยความพิการได้ทันที่โดยไม่ต้องรอปีงบประมาณถัดไป (ยื่นเรื่องภายในเดือนนี้รับเบี้ยผู้พิการได้ในเดือนถัดไป) ทำให้ไม่สามารถกำหนดจำนวนและงบประมาณได้อย่างเฉพาะเจาะจง จึงทำให้เกิดปัญหางบประมาณที่ได้รับจัดสรรไม่เพียงพอในการจ่ายเบี้ยยังชีพ
- ด้านคนพิการ
เนื่องจากคนพิการยังไม่ทราบระเบียบและแนวการปฏิบัติที่ชัดเจนทำให้เกิดโอกาสเสียสิทธิการรับเบี้ยยังชีพไป เช่น กรณีย้ายที่อยู่แต่ไม่ท าการยื่นเรื่องขอเบี้ยยังชีพกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ย้ายไป หรือกรณีบัตรคนพิการหมดอายุทำให้สิทธิรับเบี้ยยังชีพต้องยุติไป เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ คือภาพรวมแผนรายงานการติดตามและประเมินผลโครงการสนับสนุนการเสริมสร้างสวัสดิการทางสังคมให้แก่ผู้พิการหรือทุพพลภาพ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ 2564
ทั้งนี้ สำหรับผู้พิการที่ต้องการความช่วยเหลือสามารถใช้โทรสายด่วน 1479 คนพิการประชารัฐ ที่ให้บริการตลอด 24 ชม. หรือรายละเอียดที่ www.1479hotline.org เพื่อเป็นการช่วยเหลือคนพิการที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิฯ ผู้มีจิตศรัทธาสามารถช่วยบริจาคเงินได้ที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางละมุง ชื่อบัญชี มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เลขที่บัญชี : 342-3-04066-0 นำใบเสร็จสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ โทร. 0-2572-4042 ต่อ 8100 มือถือ 09-9394-4795
ขอขอบคุณข่าวสารจาก https://isranews.org/article/isranews/105515-isranews_news-43.html