ในการสำรวจทันตสุขภาพของประชาชนคนไทย ในท้องถิ่นต่างๆ มักจะมีคำถามหนึ่งในเรื่องการแปรงฟัน ซึ่งคำตอบที่ได้รับ กว่าร้อยละ 90 แปรงฟันทุกวัน แต่จำนวนครั้งที่แปรงฟันแตกต่างกัน ตั้งแต่ 1-5 ครั้ง
- แปรงฟันวันละ 1 ครั้ง มีตั้งแต่ก่อนนอน, ตอนเช้าก่อนอาหารเช้า, ตอนเช้าเฉยๆ, หลังอาหารเย็น
- แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง เช่น เช้าและก่อนนอน, หลังอาหารเช้าและเย็น, ก่อนนอนและหลังอาหารเช้า
- แปรงฟันวันละ 3 ครั้ง ได้แก่ หลังอาหารทุกมื้อ, ก่อนอาหารเช้า หลังอาหารกลางวันและก่อนนอน
- แปรงฟันวันละ 5 ครั้ง คือ เช้าเมื่อตื่นนอนใหม่ๆ หลังอาหารทั้ง 3 มื้อ และก่อนนอนตอนกลางคืน
เป็นที่น่าสังเกตว่า ชาวบ้านสับสน ทั้งความถี่และระยะเวลาที่เหมาะสมในการแปรงฟัน ทั้งๆที่เป็นเรื่องง่ายๆ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าข้อแนะนำมีมากเกินไป และแหล่งข้อมูลจากที่ต่างๆกัน ไม่ได้ระบุชัดเจนเพียงพอ
ความสกปรกที่สำคัญในปากของคนเรา ได้แก่ คราบจุลินทรีย์ ซึ่งประกอบไปด้วยเชื้อจุลินทรีย์มากมายหลายชนิด ที่มีอยู่ตามธรรมชาติในปาก มาสะสม ทับถมกันอยู่บนตัวฟัน ขอบเหงือกและรากฟันที่ไม่มีเหงือกหุ้มห่อ โดยเชื้อจุลินทรีย์เหล่านี้จะดำรงชีพอยู่ได้ด้วยอาหารที่ผ่านในปาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ตกค้างอยู่ตามซอกมุมอับต่างๆ และที่สำคัญได้แก่ น้ำตาลเป็นอาหารสำคัญของเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรคฟันผุ
การแปรงฟัน จึงมีเป้าหมายอยู่ที่การกำจัดคราบจุลินทรีย์ แต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว เนื่องจากในปากของเรามีเชื้อจุลินทรีย์มากมาย การเกิดคราบจุลินทรีย์จึงเป็นไปได้รวดเร็วมาก แม้ภายหลังการแปรงฟัน เพียง 5-10 นาที คราบจุลินทรีย์ก็เริ่มก่อตัวใหม่อีกแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าจะแปรงฟันวันละ 5 ครั้ง ก็ไม่สามารถกำจัดคราบจุลินทรีย์โดยสิ้นเชิงได้
แล้วจะแปรงฟันเมื่อไหร่ดี
การแปรงฟัน วันละ 1-2 ครั้งควรจะเพียงพอสำหรับผู้ที่เหงือกและฟันปกติ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทักษะและความสามารถในการแปรงฟันให้ถูกวิธีของแต่ละคนว่ามีมากน้อยเพียงใด
ถ้าท่านมั่นใจว่าสามารถแปรงฟันได้ถูกวิธีและนานเพียงพอ ( ครั้งละ 2-3 นาที ) ท่านก็อาจแปรงฟันวันละครั้งเดียวได้ แต่ถ้าท่านไม่แน่ใจ อาจจะเป็นด้วยความรีบร้อน ง่วงนอนหรือไม่ตั้งใจเท่าที่ควร ท่านก็ควรจะแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการแปรงฟันที่สำคัญได้แก่ ตอนก่อนนอน ทั้งนี้ เนื่องจากในเวลานอนหลับ ร่างกายของคนเราจะทำงานน้อยลง รวมทั้งต่อมน้ำลายจะหลั่งน้อยลงด้วย อำนาจการชะล้างจากน้ำลายก็ลดลงตามส่วน นอกจากนี้ ระยะเวลาที่นอนของแต่ละคน ก็นานถึง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นเศษอาหาร รวมทั้งคราบจุลินทรีย์ที่สะสมบนฟัน ในปาก ก็มีโอกาสปล่อยสารพิษมาทำลายเหงือกและฟันได้เป็นเวลานานด้วย
การแปรงฟันในระยะเวลาก่อนนอนจึงเท่ากับเป็นการทำความสะอาดฟัน กระตุ้นเหงือก และลดโอกาสที่เชื้อจุลินทรีย์จะมาทำลายสุขภาพในช่องปากด้วย และยิ่งในกรณีที่ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ ในการป้องกันโรคฟันผุนั้น การแปรงฟันในช่วงเวลาก่อนนอนนี้ จะเปิดโอกาสให้ฟลูออไรด์ทำปฏิกิริยากับฟันและเชื้อจุลินทรีย์ ได้เต็มที่โดยไม่ถูกรบกวนเป็นเวลานานเท่ากับเวลานอนของท่านด้วย
ถ้าจะต้องแปรงฟันครั้งที่ 2 ควรแปรงฟันตอนเช้าเพื่อความสะดวก เนื่องจากอุปกรณ์การแปรงฟันมีครบบริบูรณ์ในบ้านมากกว่า ปัญหาอยู่ที่ว่า จะแปรงก่อนหรือหลังอาหารเช้าดี ซึ่งส่วนใหญ่มักจะแปรงฟันตอนตื่นนอน ก่อนอาหารเช้าโดยอ้างถึงความรู้สึกไม่สะอาดในปากภายหลังนอนมานาน 6-8 ชั่วโมง
แต่แท้จริงแล้ว ในช่วงเวลาดังกล่าว ถ้าก่อนนอนได้รับการแปรงฟันดีแล้ว และไม่ได้รับอาหารหรือเครื่องดื่มใดเพิ่มที่จะเป็นอาหารสำหรับเชื้อจุลินทรีย์ในปากแล้วก็ไม่มีโอกาสที่จะเกิดความสกปรกได้ นอกจากนี้ การแปรงฟันตอนตื่นนอน แล้วภายหลังกินอาหารเช้า ฟลูออไรด์ในยาสีฟันซึ่งเคลือบและทำปฏิกิริยากับฟันจะถูกลบล้างโดยอาหารเช้าทีกินตามมาภายหลังทันทีทันใด เป็นการลดโอกาสที่ฟลูออไรด์จะต่อสู้โรคฟันผุไปด้วย
การแปรงฟันในตอนเช้า จึงควรแปรงหลังอาหารเช้า เพื่อกำจัดเศษอาหารในปากไม่ให้เชื้อจุลินทรีย์ใช้ในการสร้างคราบจุลินทรีย์ได้มากนัก ประกอบกับเป็นการเพิ่มโอกาสให้ฟลูออไรด์จากยาสีฟันทำปฏิกิริยาได้เต็มที่ต่อไปอีก 4-5 ชั่วโมง จนถึงเวลาอาหารกลางวัน และแม้จะเสียความรู้สึกที่ไม่ได้แปรงฟันทันทีตอนตื่นนอนเช้าก็อาจช่วยโดยการดื่มน้ำสะอาด 1-2 แก้ว ก่อนอาหารเช้า ก็ยังอาจช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานคล่องตัวขึ้นอีกด้วย
เพื่อสุขภาพและอนามัยในช่องปาก ในการป้องกกันโรคฟันผุและเหงือกอักเสบควรแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้า และก่อนนอน โดยต้องไม่ลืม “แปรงฟันแปรงเหงือก”
ขอบคุณ: http://www.thaihealth.or.th/Content/43289