“มุมมองในเรื่องความรักเป็นเรื่องของเงื่อนไขของแต่ละคน และเราต้องเคารพการตัดสินใจของคนอื่นด้วย สุดท้ายแล้ว เรามองว่า ความรักเป็นเรื่องที่สวยงาม ต่อให้เราจะอยู่ในสถานะไหน สภาพร่างกายยังไงก็ยังคงงดงาม”
อรรถพล ศรีชิษณุวรานนท์ หรือ อรรถ หนุ่มวิศวกรโยธาบริษัทเอกชน ซึ่งได้รับอุบัติเหตุจากการถูกยิงตัดไขสันหลัง จนทำให้ไร้ความรู้สึกและขยับไม่ได้ตั้งแต่ช่วงหน้าอก วีลแชร์จึงเป็นเสมือนอวัยวะคู่กายในตอนนี้ ที่อำนวยให้เขาเดินทางไปไหนต่อไหนได้อย่างคล่องแคล่ว
อรรถพลเล่าถึงในช่วงแรกๆ ที่รู้ว่าตัวเองจะต้องเป็นคนพิการว่า ในตอนนั้นรู้สึกหดหู่มาก รู้สึกว่าชีวิตบัดซบ ท้อทุกวัน ถึงขั้นที่ไม่อยากอยู่แล้ว มันช็อคไปเลย แต่หลังจากหดหู่กว่า 2 ปี ก็เริ่มกลับมามองโลกใหม่อีกครั้งเพราะคิดว่าทนอยู่แบบนี้อีกไม่ไหว สิ่งที่ต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงคือวิธีคิด เริ่มทบทวนตัวเองมากขึ้นว่าเกิดจากอะไร จนได้คำตอบว่า เป็นเพราะตัวเราเองทั้งนั้น เลยต้องมองโลกให้บวกขึ้น ถ้าไม่อยากอยู่แบบนี้เราก็ต้องทำเพื่อตัวเอง เราก็จะต้องปรับมุมมองความคิดของตัวเองให้บวกมากยิ่งขึ้น
เคยโดนผู้หญิงปฏิเสธ แต่ไม่ใช่เพราะความพิการ
อรรถพลเล่าว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองเป็นผู้ชายที่เคยใช้ชีวิตรักสนุก เที่ยวกลางคืน แต่ตอนนี้ก็เปลี่ยนไปเลยหลังจากนั่งวีลแชร์ คืนนั้นเราไปเที่ยวกลางคืนจนสุดท้ายก็มีเรื่องกันในผับ โดนคู่อริทำร่างร่างกายจนสาหัส แม้จะพิการแบบนี้แต่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองพิการแล้วจะไม่สามารถมีแฟนได้อีก มีแค่ช่วงแรกวิตกกังวลบ้างในเรื่องการจีบผู้หญิง และแน่นอนว่า ก็ต้องมีบ้างที่โดนปฏิเสธ เหตุผลอาจเพราะเราไม่ใช่สเปคเขาก็ได้ แต่ยังไม่เคยถูกปฏิเสธเพราะความพิการ เพราะส่วนใหญ่จะเปิดใจคุยกันในเรื่องของการคบหาพูดคุย จึงไม่มีอุปสรรคของร่างกายเข้ามาเกี่ยวข้อง
อรรถพลเล่าต่อว่า การเข้าหาสาวเพื่อพูดคุยไม่ควรที่จะเอาเรื่องความกังวลใจของเราไปคุยกับเขา การคุยในปัจจุบันนั้นไม่ได้ต่างไปจากก่อนที่จะพิการเลย คือเราจะเข้าไปตีเนียน ทำเป็นเข้าไปคุยกับเขา หาเรื่องที่จะคุย หาเรื่องที่จะไปเจอ ทำเป็นคุยๆ เหมือนเพื่อนกันไป อย่างแฟนที่คบในปัจจุบันนี้ คือเริ่มจากการทำค่ายอาสาสมัครที่เกี่ยวกับคนพิการ แม้ว่าแฟนไม่ได้พิการ แต่ก็มาเป็นอาสาสมัครในตอนนั้นแล้วเราก็เจอกันในค่าย ซึ่งตัวเราก็แอบมองเขาอยู่ เขาดูเป็นผู้หญิงที่มีพลังงานสูงมาก เราแอบชอบรอยยิ้มของเขาแต่เราก็ทำเป็นคุยทักทาย เป็นพี่ค่ายทั่วไป หลังๆ พอได้เจอกันมากขึ้น คุยกันมากขึ้น ไปๆ มาๆ ก็เริ่มรู้สึกว่าสำหรับคนนี้เราจะต้องจริงจังมากขึ้นแล้ว จึงพยายามหาเรื่องไปเจอเขาบ่อยๆ หาเวลาไปหาเขา เอาของไปฝาก เอาผลไม้ที่บ้านไปฝาก ใช้หลานปีนต้นผลไม้ลงมาแล้วเราก็เอาไปฝากเขา (หัวเราะ) คือเราก็ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยใช้มุกจีบสาวเก่าๆ ไป บางทีก็เอาเรื่องงานมาคุยกับเขา ปรึกษาเขาไป จนในที่สุดเราจึงขอเขาคบแต่เขาก็ยังไม่ตอบรับทันทีนะ เขาบอกว่าขอกลับไปคิดดูก่อน แล้วสุดท้ายเขาก็โทรมานัดเจอแล้วตกลงคบเป็นแฟนกัน ตอนนี้ก็คบกันมาจะได้ 3 ปีแล้ว
หลายคนอาจสงสัยว่า คู่รักที่คนหนึ่งพิการ และอีกคนไม่พิการ เวลาไปเที่ยวหรือใช้ชีวิตประจำวัน สามารถทำได้เหมือนคนทั่วไปหรือไม่ ซึ่งอรรถพลเล่าว่า การใช้ชีวิตของทุกคนก็ต้องมีอุปสรรคเป็นธรรมดา แต่สำหรับเขาก็ใช้ชีวิตได้ปกติ ไปเที่ยวต่างจังหวัดค้างคืนกัน ไปดูหนัง เดินจับมือกัน หรืองอนกันซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของคู่รัก ถึงแม้คนอื่นจะมองเรายังไง ก็ไม่ได้สนใจเพราะเวลาที่อยู่กับเขามันเหมือนกับโลกทั้งใบมีแค่เราสองคน
เมื่อถามถึงเรื่องของครอบครัวอีกฝ่ายที่ไม่ได้เป็นคนพิการว่ามีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง อรรถพลกล่าวว่า ครอบครัวเขาก็เหมือนจะกังวลว่า จะเป็นยังไง ร่างกายเป็นแบบนี้ถ้าคบกันอนาคตจะเป็นยังไง จะดูแลลูกเขาได้รึเปล่า แฟนจึงพาไปแนะนำตัวกับที่บ้านให้พ่อแม่ได้รู้จักและเรียนรู้กัน สุดท้ายเขาก็รู้แล้วว่าเราสามารถจัดการอะไรหลายๆ อย่างได้ ซึ่งสิ่งที่สำคัญก่อนที่เราจะดูแลคนอื่นได้ คือเราต้องจัดการตัวเองให้ได้ก่อน สิ่งไหนที่สามารถทำเองได้ก็ต้องทำ แต่ถ้ามันเกินความสามารถของร่างกายไปแล้ว ก็คงต้องขอความช่วยเหลือ
“หลังจากได้คบแฟนคนนี้ทำให้มุมมองในเรื่องความรักของเราเปลี่ยนไป แต่ก่อนความรักคือ อีกฝ่ายต้องเป็นในแบบที่เราอยากให้เป็น เราไม่เคารพในการเป็นตัวเขา เช่น ถ้าเขาบอกว่าอยากไปทะเลแต่เราไม่อยากไปก็จะไม่ไป เขาอยากไปกับเพื่อนก็ไม่ให้ไป เขาขอไปไหนก็ไม่ให้เขาไป สิ่งเหล่านี้เมื่อก่อนเราเป็นเยอะมาก ประสบการณ์แต่ก่อนมันก็สอนอะไรหลายๆอย่างกับเรา ทำให้มุมมองเรื่องความรักของเราในตอนนี้เปลี่ยนไป รู้ว่าเราควรจะรักในสิ่งที่เขาเป็น และเขาก็จะรักในสิ่งที่เราเป็น รสชาติมันเหมือนกับแยมโรลที่นุ่มๆ หวานๆ บางทีกัดเจอวิปครีม หรือผลไม้ที่เป็นชิ้นกรุบกรับไปบ้าง มันเป็นรสชาติที่เราจะต้องร้อง หื้มมม!! อร่อยอะ แล้วเราก็อยากจะกินแยมโรลชิ้นนี้ไปตลอด” อรรถพลกล่าว
เรื่องเซ็กส์ จัดการได้บนพื้นฐานความเข้าใจ
เมื่อถามว่า ร่างกายที่เปลี่ยนไปทำให้การมีเพศสัมพันธ์แตกต่างไปหรือเปล่า อรรถพลเล่าต่อแบบอมยิ้มไปด้วยว่า จินตนาการของคนส่วนใหญ่เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์คือฝ่ายชายจะต้องรุกก่อนเสมอใช่มั้ย แต่ในเมื่อเราเป็นแบบนี้ รูปแบบของการทำกิจกรรมก็ต้องปรับเปลี่ยนไปบ้าง ฝ่ายหญิงก็ต้องเริ่มรุกก่อนบ้าง ถ้าในช่วงเล้าโลมก็อาจจะมีปฏิสัมพันธ์อะไรปกติเหมือนที่ใครๆ ทำกัน แต่ว่าเวลาที่เราจะเสร็จก็จะไม่เหมือนเดิมที่ปกติจะต้องมีน้ำออกมา แต่สำหรับตัวเราในตอนนี้จะมาในรูปแบบของอารมณ์จิตใจที่รู้สึกผ่อนคลาย และอวัยวะเพศก็จะหดตัวลงมาเอง แน่นอนว่าในตอนนี้ตัวเรายังไม่สามารถมีลูกแบบธรรมชาติได้ แต่ไม่ใช่ทุกคน บางคนที่บาดเจ็บไขสันหลังก็สามารถมีลูกได้ ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงที่ได้รับ
สุดท้ายอยากจะฝากถึงแฟนคนนี้ว่า ขอบคุณที่อยู่ด้วยกัน ใช้เวลาร่วมกัน รู้สึกมีความสุขเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน และคิดว่าความรู้สึกแบบนี้จะอยู่กับพี่ไปเรื่อยๆ และอยากจะขอให้เขามีความสุขในแบบที่เขาเป็น เราก็จะมีความสุขไปด้วยพร้อมๆกัน
ขอบคุณ: https://thisable.me/content/2017/12/344