นับตั้งแต่เชื้อไวรัสโควิด-19 อุบัติขึ้นแถบตอนกลางของจีนช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ตอนนี้มฤตยูสายพันธุ์ใหม่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกทะลุ 20,000 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้วและมีผู้ติดเชื้อกว่า 460,000 คน ขณะที่ 3 ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดก็คือ จีน, อิตาลี และ สหรัฐอเมริกา
ขณะที่สถานการณ์ของจีนเริ่มคลี่คลายแล้วแต่ประเทศที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คืออิตาลี โดยอัพเดตเมื่อวันที่ 26 มีนาคมมีผู้เสียชีวิตแล้ว 7,503 ศพและติดเชื้อ 74,386 คน กระนั้นก็ตามถือว่าชะลอตัวลงแล้วเพราะนายกรัฐมนตรี จูเซปเป คอนเต ใช้มาตรการล็อกดาวน์ (ปิดเมือง) พร้อมภาวนาว่าทุกอย่างจะดีวันดีคืนในเร็ววันนี้
แน่นอนตอนนี้ทุกคนทุกสาขาอาชีพกำลังช่วยกันคนละไม้ละมือใครมีกำลังด้านไหนก็ลงมือช่วยในจุดนั้นซึ่งในส่วนของคนกีฬา คริสเตียโน โรนัลโด้, ลิโอเนล เมสซี่ และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าระดับแนวหน้าของโลก ถือว่ามีกำลังทรัพย์ไม่น้อยจึงได้บริจาคเงินคนละราว 1 ล้านยูโร แต่เราก็จะลืมนักกีฬาตัวเล็กๆ ที่อาจจะไร้ชื่อเสียงเรียงนามไม่เป็นที่รู้จักอย่าง มักซิม เอ็มบานด้า ไม่ได้ เพราะเจ้าตัวในฐานะรักบี้ก็กระโดดมาลงแรงช่วยทั้งแพทย์และพยาบาลที่ประเทศอิตาลี
มักซิม วัย 27 ปีเล่นรักบี้ในตำแหน่งปีกให้กับ ซีเบร อยู่ในปาร์ม่า ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี จุดที่เชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มระบาดและถูกปิดเมืองไปแล้วเป็นที่แรก ซึ่งก็ทำให้การแข่งขันทุกรายการต้องหยุดชะงักไปโดยปริยาย
กระนั้นก็ตาม มักซิม ไม่คิดที่จะกักตัวเองอยู่ที่บ้านเฉยๆ เพราะทราบดีว่าสถานการณ์ภายในอิตาลีเลวร้ายสุดขีด ส่วนตนเองนั้นมีกำลังในด้านของร่างกายที่แข็งแรงขึ้นอาสาช่วยแพทย์และพยาบาลทุกอย่างโดยเฉพาะอาสาขับรถ 13 ชั่วโมงต่อวันเคลื่อนย้ายคนป่วยและรับส่งยากับอาหาร
มักซิม กล่าวถึงแรงบันดาลใจที่ลุกขึ้นมาช่วยทุกคนว่า “เมื่อการแข่งขันกีฬาทุกอย่างในวงการรักบี้ถูกยกเลิกทั้งหมด ผมจึงมานั่งคิดว่ามีหนทางอย่างไรที่ตนเองพอจะช่วยได้บ้าง แม้ว่าจะไม่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ โดยตัดสินใจเริ่มเมื่อ 8 วันก่อนทำงานวันละ 12-13 ชั่วโมงแบบที่ไม่รู้สึกเหนื่อยและบอกตัวเองว่าหยุดไม่ได้ เพราะเห็นภาพจากห้องคนป่วยที่นอนในสภาพติดเชื้อมากมาย”
”แน่นอนความกลัวเป็นเรื่องปกติของทุกคนอยู่แล้ว แต่มันมีบางสิ่งที่คุณสามารถทำได้แบบห่างไกลเชื้อ อีกทั้งคุณยังช่วยให้บรรดาแพทย์หรือหมอที่เรียกได้ว่าอยู่แนวหน้ามีเวลาพักสักครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมงก็ยังดีสิ่งนี้ถือว่าสำคัญมาก ตราบใดที่ผมยังแข็งแรงและมีแรงก็จะช่วยเหลือและอยู่ตรงนี้ต่อไป สิ่งที่ผมทำก็คือขนส่งทั้งยาและอาหารให้ผู้สูงอายุ ย้ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งไปอีกแห่งหนึ่ง ผมยังสามารถหิ้วเปลคนป่วย แบกคนพิการจากรถเข็นและขนทั้งออกซิเจน” นักรักบี้กล้ามโตเผย
นอกจากนี้อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ มักซิม ลุกขึ้นมาช่วยเหลือผู้คนท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดก็เพราะว่าตนเองมีพ่อเป็นศัลยแพทย์ชาวอิตาเลี่ยนจึงทราบดีถึงแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามา “เมื่อคุณได้ลองมองเข้าไปในตาของผู้ป่วยทุกคน แม้ว่าเขาจะพูดไม่ได้ แต่สื่อสารทางดวงตาได้ อีกทั้งสิ่งเหล่านี้คุณแทบจินตนาการไม่ได้หากไม่ได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง ตลอดเวลาพวกเขาได้ยินเสียงสัญญาณเตือนต่างๆ สัญญาณฉุกเฉิน เห็นแพทย์กับพยาบาลวิ่งกันไปมาทั้งวันจากอีกแผนกไปอีกแผนก”
มักซิม ทิ้งท้ายอีกว่า “คนไข้คนหนึ่งที่ผมช่วยเคลื่อนย้ายเล่าให้ฟังว่าเพื่อนเตียงข้างๆ ตายไปทีละคนสองคนเป็นครั้งแรกของเขาเพราะไม่เคยเห็นคนตายมาก่อน ซึ่งถ้าลองให้พวกที่ออกไปข้างนอกบ้านเห็นสิ่งนี้ที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลรับรองพวกนั้นแทบจะไม่อยากออกจากบ้านอีกเลย แม้กระทั่งจะออกไปทำงานก็คงไม่อยาก อีกอย่างที่ผมเห็นคือทุกคนทุกวัยใส่เครื่องช่วยหายใจ แพทย์กับพยาบาลทำงานกันคนละ 20-22 ชั่วโมงต่อวันแทบจะไม่ได้นอนกันเลย”
เราปฎิเสธไม่ได้ว่าวิถีชีวิตของคนยุโรปโดยเฉพาะที่อิตาลีรวมถึงสเปนชอบปาร์ตี้และสังสรรค์แต่สิ่งนี้เองที่ทำให้เชื้อไวรัสนั้นระบาดอย่างรวดเร็ว กระนั้นก็ตามอย่างที่เกริ่นไปแล้วว่ามีสัญญาณชะลอตัวของคนติดเชื้อและเสียชีวิต ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณแพทย์และพยาบาลรวมถึงจิตอาสาอย่าง มักซิม เอ็มบานด้า เหนืออื่นใดเลยทุกคนต้องช่วยกันกักตัวเองอยู่ในบ้านและทำตามคำแนะนำของรัฐบาลและเชื่อทุกอย่างน่าจะดีขึ้นในไม่ช้า
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก https://mgronline.com/sport/detail/9630000031955