ใครบอกว่า ‘ความสวย’ ของผู้หญิงต้องจำกัดที่ขาว ผอม สูง เพอร์เฟ็กต์
หญิงสาวคนนี้ไม่ได้มีสิ่งที่ใกล้เคียงกับข้างต้นเลยแม้แต่น้อย แต่เธอเป็นบิวตี้ บล็อกเกอร์ แนะนำการแต่งหน้าเสริมความงามที่มีคนติดตามหลักแสน ยอดวิวแต่ละคลิปถล่มทลาย มีความฮาเป็นซิกเนเจอร์ เปิดมาแต่ละทีเหมือนดูรายการวาไรตี้ชงตบมุกโบ๊ะบ๊ะ
ใครบอกว่าเท้า คืออวัยวะ ‘ของต่ำ’
หญิงสาวคนนี้ไม่มีแขน เธอจึงใช้เท้าแทนมือ ทำกิจกรรมสารพัดในชีวิตประจำวันอย่างคล่องแคล่ว ทั้งจับช้อนกินข้าว แต่งหน้า หวีผม แต่งตัว (ลองนึกภาพว่าคุณต้องใช้เท้าเขียนคิ้ว มันจะยากแค่ไหน) เธอมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะเท้าสองข้างนี้ทั้งนั้น
ใครบอกว่าคนพิการคือภาระของสังคม
หญิงสาวคนนี้เป็นที่รักของเพื่อนๆ และครอบครัว เธอกำลังเรียนมหาวิทยาลัย และเก็บหอมรอมริบรายได้จากการเป็นบิวตี้ บล็อกเกอร์เพื่อจะซื้อบ้านให้แม่ตามความฝันที่ตั้งใจไว้
ทุกสิงที่เธอทำ ล้วนท้าทายความเชื่อของสังคมที่เรารับรู้มาทั้งหมด
Curious People อยากชวนไปรู้จักกับ ฝ้าย-บุญธิดา ชินวงษ์ Buntida Chinnawong หญิงสาวอายุ 20 ปี เจ้าของช่องยูทูป ฝ้าย ใช้เท้าแต่งหน้า,เฟซบุ๊ค ใช้เท้าแต่งหน้า และ IG : buntidaa ที่จะมาแนะนำด้านความสวยความงาม รีวิวเครื่องสำอางแบบฮาๆ มาพร้อมกับเสียงหัวเราะและทัศนคติแบบบวกๆ
ฝ้ายทำให้เราเห็นว่าความงามภายนอกก็ส่วนหนึ่ง แต่อาจไม่ได้สำคัญเท่าความงามที่อยู่ภายในของเธอ
01
#ไม่มีแขนไม่ใช่ปัญหา
.
.
ฝ้ายเกิดมาโดยที่ไม่มีแขน นอกจากนั้นเธอยังมีปอดเพียงข้างเดียว ขาทั้งสองข้างก็ไม่เท่ากัน ตอนเด็กๆ ฝ้ายเคยคิดว่าแขนทั้งสองข้างจะงอกออกมา แม้ในความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่ก็เธอโชคดีมากๆ ที่ทุกคนรอบข้างไม่ได้มองว่ามันเป็นความแปลกประหลาด
.
“หนูอยู่ในสังคมที่ยอมรับได้มาตั้งแต่เด็ก เพื่อนไม่เคยล้อว่าทำไมไม่มีมือ ทำไมแขนหายไปไหน ทำไมขาถึงมีข้างเดียว การใช้ชีวิตของหนูมันจะเป็นอุปสรรคตอนแค่ขึ้นบันได ขึ้นฟุตบาทข้างถนนแค่นั้นเองค่ะ”
.
เมื่อมือใช้ไม่ได้ ก็เป็นหน้าที่ของเท้าทำงานแทน ฝ้ายฝึกใช้เท้าหยิบจับสิ่งของต่างๆ ตั้งแต่ยังเล็ก แม่เอาหนังสือคัดลายมือมาให้เธอหัดเขียน ก. ไก่ ฝึกใช้ช้อนตักอาหาร แปรงฟัน สวมเสื้อผ้า ทำทุกอย่างเพื่อให้พึ่งพาตัวเองได้มากที่สุด
.
เมื่อจบ ม.ต้น ที่โรงเรียนศรีสังวาลย์ โรงเรียนเฉพาะเด็กพิการ ฝ้ายตัดสินใจก้าวข้ามความกลัวครั้งใหญ่ด้วยการขอย้ายมาเรียนโรงเรียนปากเกร็ด จังหวัด นนทบุรี ร่วมกับนักเรียนทั่วไป
“ตอนอยู่ศรีสังวาลย์น่ะค่ะ หลายคนก็จะมาคุยกับเรา แต่พอย้ายโรงเรียนมาไม่มีใครคุยกับเราเลย เกือบอาทิตย์นึง จนเราต้องแบบว่า เฮ้ย ไม่ได้แล้วมั้ง ถ้าอย่างนี้เราอยู่ไม่ได้แน่ เพราะทุกคนเริ่มมีกลุ่ม มีพรรคพวก ก็เลยตัดสินใจเดินเข้าไปหา แกเราไปกินข้าวด้วยได้มั้ย แกไปไหนเราไปด้วย เพื่อนก็ยอมเปิดใจรับเรา ตอนแรกอยากให้เขามาทักทายก่อน แต่พอเขาไม่ทักทาย เราก็ต้องเดินเข้าไปเอง”
.
ทางโรงเรียนก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้ เช่น อนุญาตให้เธอใช้โต๊ะเตี้ยๆ คล้ายตั่ง สำหรับนั่งใช้เท้าเขียนหนังสือ เพื่อนช่วยซื้อข้าวให้ ยิ่งนานวันคนอื่นยิ่งมองฝ้ายเป็นเหมือนนักเรียนทั่วไป เพราะเธอส่งงาน ทำงานเท่ากับทุกคน อาจารย์สั่งให้ไปดูโขนที่โรงละครแห่งชาติ เธอก็นั่ง BTS ไปกับเพื่อนๆ
.
โรงเรียนใหม่ได้เปิดโลกใหม่ให้หลายอย่าง รวมทั้งเรื่องความสวยความงาม ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเป็น บิวตี้ บล็อกเกอร์
“แต่ก่อนหนูไม่เคยคิดจะแต่งหน้าเลยนะ ทาครีมก็ไม่ทา ไม่แตะเลย โรงเรียนเก่าก็ห้าม บังคับให้ไว้ผมถึงแค่ติ่งหูด้วย แต่พอเข้า ม.ปลาย เราเจอเพื่อนสวย บางคนเป็นเน็ตไอดอลแต่งหน้ามาเรียน เราก็รู้สึกว่าทำไมเขาสวยจัง ทำไมเขาดูแลตัวเอง เราอยากจะสวยจะดูดีบ้าง ก็เลยเสิร์ชดูในยูทูป แต่งหน้ายังไงไปโรงเรียน แต่งหน้ายังไงให้ใสๆ อะไรอย่างนี้ แล้วก็เริ่มแต่งตามค่ะ”
.
พอถลำตัวเข้าไปในโลกของเครื่องสำอาง ฝ้ายก็ค้นพบว่านี่คือกิจกรรมที่เธอชื่นชอบ มีความสุขที่ได้เห็นการแต่งหน้าแนวต่างๆ ซึ่งดึงความสวยงามของตัวแบบออกมาให้โดดเด่น แล้วนางสาวบุญธิดาก็เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาว่า ถ้าคนอย่างเธอจะลองทำคลิปเป็นบิวตี้ บล็อกเกอร์บ้าง จะเป็นอย่างไร
.
“พ่อแม่ไม่เคยห้ามหนูในเรื่องนี้เลย ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะห้ามแบบว่า อย่าทำเลย เราไม่ได้เหมือนคนอื่น แต่พ่อแม่เราบอกว่า ถ้าไม่อายก็ทำ หนูไม่อายก็เลยทำแล้วก็ลงเลย ปรากฏว่าเป็นกระแสในโซเชียล”
.
“คลิปแรกของหนูก็บ้งค่ะ (หัวเราะ) ตอนแรกมีเครื่องสำอางแค่ 3 อย่าง คือแป้งเด็ก ที่เขียนคิ้ว แล้วก็ลิปสติก จะทำยังไงให้ 3 อันนี้ อยู่บนหน้าเราแล้วสวย หนูก็เลยไปเสิร์ชเจอบิวตี้ บล็อกเกอร์ฝรั่งคนหนึ่ง เขาเอาดินสอเขียนคิ้ว มาบล็อกตา มาคอนทัวร์หน้า ทำให้ดั้งโด่ง เอาลิปมาทาแก้มทาตา เราก็เลยลองทำบ้าง ปรากฏว่า โป๊ะ หน้าเทามาก
.
“มีคนมาบูลลี่บ้าง โอโห นั่นแต่งหรอ หลายคนก็ชื่นชม แล้วมีพี่คนหนึ่งส่งเครื่องสำอางจากญี่ปุ่นมาให้ เป็นของแบรนด์เนมหมดเลย บอกว่าน้องฝ้าย ลองเอาไปใช้ดูนะ พอเราใช้ก็มีคนบอกว่า พัฒนาขึ้น ทำคลิปต่อไปนะ เลยเป็นแรงบันดาลใจให้เราทำต่อมา”
02
#กระดาษสีขาวและจุดสีดำ
.
.
ไม่มีใครทำได้ดีตั้งแต่ครั้งแรก… ฝ้ายก็เช่นกัน การจะใช้เท้าแต่งหน้าให้ดีนั้นต้องฝึกฝน เธอใช้เวลากว่า 4-5 เดือน ค่อยๆ ฝึกไปทีละอย่าง ตั้งแต่ลงรองพื้น คอนทัวร์หน้า เขียนคิ้ว ทาตา ทาลิปสติก ไปจนถึงใส่คอนแทกเลนส์
.
“ถึงหนูจะใช้เท้าอยู่แล้ว แต่การใช้เท้าแต่งหน้ายากมาก ปัญหาของผู้หญิงทุกคนคือการเขียนคิ้ว เราต้องก้มด้วย ทำให้ควบคุมไม่ได้ว่ามันจะต้องไปทิศทางไหน ตอนแรกเขียนคิ้วเหมือนเอาปลิงทะเลมาแปะเลย อีกอย่างที่ยากคือการใส่คอนแทกเลนส์ แล้วก็เสี่ยงทำให้ตาเราบอดได้ แต่ต้องทำเพราะมีแบรนด์หนึ่งส่งมาอยากให้รีวิวให้ ในที่สุดก็ทำได้ มันอยู่ที่การฝึกและพัฒนาด้วยค่ะ”
.
เธอยังศึกษาเทคนิกการแต่งหน้าจากบิวตี้ บล็อกเกอร์ชื่อดังหลายๆ คนในอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะคนที่ยกให้เป็นไอดอลเลย คือ “นัท สะบัดแปรง”-นิศามณี เลิศวรพงษ์ และ “นุ่น NOBLUK” – นพลักษณ์ กุลธวัชชัย ฝ้ายนำไอเดียมาต่อยอดเป็นคลิปต่างๆ ในแบบของตัวเอง เช่นแต่งหน้าสไตล์ฝรั่ง (สาย ฝ.) สวอชลิปสติก ใช้เท้าแต่งหน้าใน 5 นาที ใช้เท้าแต่งหน้าให้คนอื่น รีวิวเครื่องสำอาง พาไปงานอุ่นไอรักฯ ไปเสริมความงาม เบื้องหลังที่เธอไปถ่ายโฆษณา ฯลฯ
.
ความน่าสนใจนอกจากใช้เท้าแต่งหน้าก็คือ ความฮา ฝ้ายยิงมุกตลก เมาท์มอยไม่หยุดอย่างกับคลิปรายการวาไรตี้ชีวิตดารา เสียงหัวเราะดังๆ ของเธอคือซิกเนเจอร์ รวมถึงการดำเนินรายการที่ฉับไวมีสีสันไม่น่าเบื่อ ซึ่งฝ้ายเป็นคนตัดคลิปเหล่านี้เองทั้งหมด
.
“หนูอยากให้คนดูได้แรงบันดาลใจ อยากให้เขาได้ความคิดแบบบวกๆ มีหลายคนทักเข้ามา น้องฝ้ายคะ พี่ไม่มั่นใจในตัวเองเลย พี่ไม่รู้จะแต่งหน้าไปทำไม แต่งหน้าไปคนก็ว่าพี่ไม่สวย …เราเลยตอบไปว่าแคร์หรอคะ แต่งหน้าไม่ได้ให้ใครดู เราแต่งหน้าเพื่อความมั่นใจ เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มความดูดีให้กับตนเองแค่นั้นเอง ไม่ได้แต่งหน้าเพื่อผู้ชายมอง ถ้าผู้ชายมองก็กำไร (หัวเราะ) แต่งไปเถอะค่ะ เราไม่ได้ทำให้เดือดร้อน
.
“ความมั่นใจของหนูเอามาจากไหนเหรอ มันเป็นความมั่นหน้ามั่นโหนก มั่นกะโหลก มั่นเบ้าของหนูเอง
แต่ก่อนน่ะมีคนมอง และหนูถามแม่ หนูแปลกเหรอ แม่ก็เลยบอกว่า เขามองว่าเราสวย เหมือนแบบแม่เมโมรีไว้ในหัวเราน่ะ ว่าเราสวย เราสวย เราสวย” ว่าแล้วเธอก็หัวเราะเสียงดังตามสไตล์
อย่างไรก็ตามในโลกโซเชียลที่เปิดกว้าง ช่วงที่กระแสของเธอมาแรงมากๆ ไลฟ์สดแต่ละครั้งมีคนดูเป็นหมื่น ยอดรวมเป็นหลักล้าน เธอเคยโดน ‘ใครก็ไม่รู้’ เข้ามากลั่นแกล้งอย่างสนุกปาก ทั้งคอมเมนต์แรงๆ เช่น ตากล้องบอกให้ชูสองนิ้ว อ๊ะ ลืมไป ไม่มีแขนเลยชูไม่ได้ หรือแชร์คลิปไปพร้อมกับคำพูดว่า พ่อแม่ไม่กล้าทำแท้งเพราะกลัวบาป แต่ลูกเป็นภาระสังคม รวมถึงนำรูปครอบครัวไปล้อเลียน เมื่อโดนหนักเข้าเธอก็รู้สึกหมดกำลังใจที่จะทำคลิปต่อ อยากจะกลับไปเป็นฝ้ายคนเดิมที่ไม่มีใครรู้จัก
.
“คำนี้มันทำให้หนูแบบไม่อยากทำอะไรเลย แฟนคลับก็โทรเข้ามา หนูเลือกที่จะตัดสาย แล้วก็ปิดโทรศัพท์ ปิดเฟซบุ๊ค ปิดทุกอย่าง ไม่รับ ไม่อะไรทั้งนั้น พังมาก พังแบบมีความคิดแวบหนึ่งอยากฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ แม่เห็นเราไม่โอเคก็เลยส่งน้องสาวมานอนเป็นเพื่อน พอเราบ่นบ่อยๆ น้องสาวที่เป็นคนกวนๆ ก็เลยบอกว่า พี่ฝ้ายจะไปสนใจทำไมกับแค่คนในโซเชียล ชีวิตจริงคนรักพี่ฝ้ายตั้งเยอะตั้งแยะ ดารงดารา พี่ตูนยังมาขอถ่ายรูปกับพี่ฝ้ายเลย มันทำให้เราคิดได้
.
“ความฝันของหนูอ่ะ คืออยากซื้อบ้านให้แม่ ถ้าเกิดเราฆ่าตัวตายไปแล้วใครจะซื้อบ้านให้แม่ เราจะความฝันเราสำเร็จมั้ย เราอย่าไปโฟกัสจุดสีดำบนกระดาษสีขาวเลย เราโฟกัสสีขาวดีกว่า คนเป็นพันเป็นหมื่นรอเราทำคลิปอยู่ เราจะมาเฟลแค่คนไม่กี่สิบคนนี้ทำไม หนูก็เลยลุกขึ้นมาทำคลิปใหม่ค่ะ”
03
#ความงามทีแท้จริง
.
.
ปัจจุบันฝ้ายทำคลิปรายการมาเกือบ 3 ปีแล้ว เธอเติบโตขึ้น มาเรียนต่อที่คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โดยมีความใฝ่ฝันว่าเรียนจบแล้วจะทำงานเป็นพิธีกร เป็นนักแสดงในวงการบันเทิง ส่วนงานบิวตี้ บล็อกเกอร์ และเมคอัพ อาร์ตติสท์ที่ชื่นชอบนั้น ก็คงไม่ทิ้ง
.
“หนูอยากฝึกแต่งหน้าให้เก่งกว่านี้ อยากแต่งหน้าให้คนอื่น เพราะการที่เรามอบความสวยให้คนอื่นเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เคยคิดว่าอยากไปช่างแต่งหน้าในวันสำคัญเช่น รับปริญญา งานแต่งงาน โดยไม่คิดค่าจ้าง แค่ขอค่ารถนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง หนูอยากไปเรียนเพิ่ม เพราะว่าการแต่งหน้าปกติกับแต่งหน้าเจ้าสาวหรือแต่งหน้ารับปริญญาเทคนิกต่างกัน แล้วก็ยากกว่า”
.
ถึงฝ้ายจะทำงานเกี่ยวข้องกับการเสริมความงาม แต่เธอยืนยันเสมอว่าไม่จำเป็นที่ผู้หญิงทุกคนต้องไปหาเครื่องสำอางมาประทินผิว แต่ละคนมีวิธีแสดงออกถึงเสน่ห์และความดูดีที่ไม่เหมือนกัน เครื่องสำอางและการแต่งหน้าเป็นเพียงหนึ่งในวิธีที่ช่วยสร้างความมั่นใจเท่านั้น
“ทุกคนมีความสวยในแบบของตัวเองอยู่แล้ว คือคนไทยชอบยึดติดว่าขาวสวย หน้าเนียนสวย ผอมสวย หนูคิดว่ามันคือค่านิยมมากกว่า ความสวยของหนูก็คือทัศนคติ ความคิด ทุกคนมีความสวยข้างในอยู่แล้ว ดึงมันออกมาแค่นั้นเอง”
.
เช่นเดียวกับตัวเธอ ที่ไม่เคยมองว่าตนเองไร้ค่าเพราะมีอวัยวะไม่ครบ 32 ตลอดชีวิตที่ผ่านมามันพิสูจน์แล้วว่าฝ้ายสร้างความสุขให้คนอื่นๆ ได้มากมาย เป็นที่พึ่งพิงของครอบครัว เป็นที่รักของเพื่อนๆ
.
“ถ้าเกิดว่ามองตรงนี้เป็นปมด้อย เราก็จะจมปลักกับมัน เฮ้ยทำไมเราต้องเกิดมาเป็นพิการ หนูไม่อยากให้คิดอย่างนั้น หนูอยากให้ทุกคนคิดว่า เราเกิดเป็นอย่างนี้ เราใช้สิ่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดดีกว่าแค่นั้นเองค่ะ
.
ความสวยที่แท้จริงจึงมาจากภายใน จากทัศนติและความคิดที่งดงาม มากกว่าสิ่งอื่นใด
https://www.facebook.com/curiouspeople.me/videos/1920549561422765/
ฝ้ายบอกกับเราว่าความงามภายนอกก็ส่วนหนึ่ง แต่อาจไม่ได้สำคัญเท่าความงามแท้จริงที่อยู่ภายใน
.
ถ่ายวิดีโอและตัดต่อ : สุวินัย แตงอ่อน
ขอขอบคุณ https://www.facebook.com/pg/curiouspeople.me/posts/?ref=page_internal