นางณัฐสุรีย์ อนุศาสนัน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุรินทร์ พร้อมนักสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมบ้าน สอบข้อเท็จจริง และให้ความช่วยเหลือ กรณีผู้สื่อข่าวแผ่นดินไทยโพสต์ ประสานแจ้งขอความช่วยเหลือหญิงชรา อยู่บ้านลำพัง สายตาเลือนราง บุตรไปทำงานต่างถิ่น ต้องการความช่วยเหลือด้านการครองชีพ ซึ่งจากการสอบเท็จจริงทำให้ได้ข้อมูลว่า หญิงชราดังกล่าว ชื่อ นางพุทธา เหลาทอง อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/2 ม.7 บ.โนนสั้น ต.หนองหลวง อ.โนนนารายณ์ จ.สุรินทร์ มีสายตาเลือนราง มองไม่ค่อยชัด ยังไม่เคยประเมินเพื่อขอเอกสารรับรองความพิการ สถานภาพหม้าย มีบุตรทั้งหมด 4 คน เป็นหญิง 1 คน ชาย 2 คน โดยบุตรคนที่ 1, 3 และ 4 ต่างมีครอบครัวแล้ว ไปทำงานอยู่ต่างถิ่น ส่วนบุตรชายคนที่ 2 ไปทำงานภาคใต้หลายปีไม่เคยติดต่อกลับมาบ้านเลย
ปัจจุบัน นางพุทธา อาศัยอยู่ที่บ้านกับหลานชายวัย 14 ปี ซึ่งเป็นบุตรของบุตรสาวคนโต โดยหลานเพิ่งย้ายมาอยู่ด้วยประมาณ 3 เดือน กำลังศึกษาชั้น ม.2 รร.จุลมณี อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ
นางพุทธาไม่ได้ประกอบอาชีพ เนื่องจากชราภาพและสายตาเลือนราง ยังชีพด้วยเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนละ 700 บาท ได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เดือนละ 300 บาท และบุตรส่งให้ใช้เดือนละ 1,000-2,000 บาท ทำนา 3 ไร่ ซึ่งเป็นที่นาของบุตรสาว ได้ข้าวสำหรับบริโภค แต่ไม่ตลอดทั้งปี และประสบภาวะขาดทุน เพราะต้องจ้างทำนาทุกอย่าง มีหนี้สินจากการกู้ยืมเงินกองทุนหมู่บ้าน 10,000 บาท
ด้านที่อยู่อาศัย เป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นบนเป็นไม้ สังกะสี ชั้นล่างเป็นปูน หลังคามุงสังกะสี สภาพมั่นคง ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เนื่องจากมอบให้เป็นกรรมสิทธิ์ของบุตรคนที่ 1 และ 2
สำหรับปัญหาความเดือดร้อนและความต้องการนั้น นางพุทธาไม่ได้ทำงาน จึงยังชีพด้วยเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ บัตรสวัสดิการรัฐ และอาศัยบุตรส่งให้เป็นค่าเลี้ยงดูหลาน แต่ไม่เพียงพอกับการครองชีพ เนื่องจากหลานชายกำลังศึกษาทำให้มีค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูหลานและใช้สำหรับการศึกษาของหลานเป็นจำนวนมาก ต้องการความช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่ายในการครองชีพ รวมถึงของกินของใช้ในการยังชีพ และต้องการขอความช่วยเหลือด้านการจดทะเบียนความพิการทางสายตา เพราะสายตามองไม่ค่อยชัดเจน
สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุรินทร์จึงให้ความช่วยเหลือ มอบเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 1 ชุด ช่วยเหลือเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุในภาวะยากลำบาก จำนวน 2,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการครองชีพและเดินทางมารับการตรวจประเมินความพิการที่ โรงพยาบาลสุรินทร์ และการจดทะเบียนคนพิการ รวมทั้งประสาน อบต. อำนวยความสะดวกในการตรวจประเมินความพิการที่โรงพยาบาลสุรินทร์ ด้วย
ขอขอบคุณ http://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG200716105435437