เว็บไซต์ “ยาฮู” รายงานว่า จัสติน ทิมเบอร์เลก นักร้องชื่อดังชาวอเมริกันวัย 39 ปี ทำให้พ่อลูกคู่หนึ่งมีความสุขที่สุด เมื่อได้รับ “รถตู้วีลแชร์แบบลิฟต์” จากจัสตินเป็นของขวัญเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
โดยมีเนื้อหาในข่าวว่า เจค สติท ชายหนุ่มวัย 17 ปีชาวเมืองมอร์ริสทาวน์ รัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา ป่วยพิการทางสมอง และอยากได้รถตู้วีลแชร์แบบลิฟต์เพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิต หลังจาก ทิม สติท พ่อของเจค มีอาการบาดเจ็บที่หลัง และเริ่มอุ้ม เคลื่อนย้ายลูกชายขึ้นรถไม่ไหว สองพ่อลูกจึงออกมาระดมทุน หาเงินบริจาคเพื่อจะนำไปซื้อรถตู้วีลแชร์แบบลิฟต์ให้ได้ก่อนเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ซึ่งได้เงินมากว่า 35,000 ดอลลาร์ ราว 1,085,000 บาท แต่จัสติน บังเอิญเห็นข่าวของสองพ่อลูก และรู้สึกสะเทือนใจ จึงตัดสินใจซื้อรถตู้วีลแชร์แบบลิฟต์มอบให้สองพ่อลูกเป็นของขวัญ
ทั้งนี้จัสติน วิดีโอคอลผ่านซูม พูดคุยกับเจคและทิมว่า “ผมรู้สึกดีใจ เหมือนที่ผมบอก ผมได้ยินความตั้งใจของพวกคุณที่อยากได้รถตู้ก่อนเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ผมจึงอยากให้คุณได้รถตู้คันนี้ ผมจะออกเงินให้ทั้งหมด ผมอยากให้คุณมีวันหยุดที่สุดวิเศษ คุณสร้างแรงบันดาลใจให้ผมนะเจค”
ไมเคิล แอ็บบอท จูเนียร์ หนึ่งในผู้ช่วยระดมทุน หาเงินซื้อรถตู้ให้เจค ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ WJHL ว่า “เจคเป็นเด็กหนุ่มที่น่าทึ่ง เขาชอบนั่งอยู่หน้าบ้าน และมีป้ายเขียนว่า “บีบแตรรถ หากคุณมีความสุข” ซึ่งไมเคิล เล่าว่านี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ จัสติน ทิมเบอร์เลก ประทับใจและตัดสินใจซื้อรถตู้มอบให้สองพ่อลูก โดยนักร้องคนดัง ซึ่งเป็นชาวรัฐเทนเนสซีเช่นกันบอกกับพ่อลูกระหว่างพูดคุยกันผ่านซูมว่า “จงบีบแตรรถถ้าหากคุณมีความสุข ขอให้คุณทำต่อไปเรื่อย ๆ นะ และตอนนี้คุณสามารถขับรถตู้คันนี้บีบแตรไปทั่วเมือง”
ทิม ทหารผ่านศึกให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ WJHL ว่า “หลังจากต้องอุ้มลูกชายขึ้นรถตู้เป็นประจำ ทำให้หลังของเขาผิดรูป กระทั่งตัวเขาเองก็เคลื่อนไหวลำบาก การได้รถตู้วีลแชร์แบบลิฟต์ จึงช่วยให้เจคใช้ชีวิตง่ายขึ้นมาก รวมทั้งชีวิตของผมด้วย เพราะมีคนไม่มากที่สามารถอุ้มเจคขึ้นรถ และจัดท่านั่งให้เขานั่งได้ถนัดตามที่เขาต้องการ มันช่วยทำให้ชีวิตของเราทั้งคู่ง่ายขึ้นมาก และยังทำให้เจคสามารถใช้ชีวิตได้อิสระในฐานะคนหนุ่ม”
สำหรับเงินบริจาคที่ได้มาแล้วกว่า 35,000 ดอลลาร์ ราว 1,085,000 บาท จะถูกเก็บไว้เป็นค่ารักษาพยาบาลของเจคต่อไป
ขอขอบคุณ https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2462397