ส.คนพิการมุ่งผลงานแจ่มกว่าหนที่แล้วหวังคว้าตั๋วเข้าพาราลิมปิกเกมส์ถึง50ที่นั่ง

นายชูเกียรติ สิงห์สูง นายกสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 ของสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยฯ ที่ห้องประชุมชั้น 25 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา

   ประมุขสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยฯ เผยว่า แม้ในปี 2563 ที่ผ่านมาทั่วทั้งโลกจะต้องพบกับสถานการณ์ของไวรัสระบาด แต่ในส่วนของสมาคมฯ เองก็ยังมีกิจกรรมที่จัดได้ต่อเนื่อง แม้ไม่มีกีฬาแข่ง ทั้งกิจกรรมในการจัดโครงการต้นกล้ากีฬาคนพิการ ที่พยายามสร้างนักกีฬารุ่นใหม่ หรือเยาวชนคนพิการที่ยังเล่นกีฬาไม่เป็นให้ฝึกหัดและฝึกซ้อมเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้รู้จักการเล่นกีฬาและทำให้คุณภาพชีวิตของตนเองได้ดีขึ้น รวมทั้งการสร้างกำลังหลักของทีมชาติขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่ด้วย และกิจกรรมที่สร้างคุณประโยชน์แก่สังคมในช่วงเวลายากลำบากที่คนไทยต้องเผชิญกับไวรัสระบาดมากมาย อาทิ การทำตู้ปันสุขแจกจ่ายสิ่งของให้แก่ประชาชนเป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เราได้คะแนนตัวชี้วัดของทางการกีฬาแห่งประเทศไทย 100 คะแนนเต็มเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันจากทั้งหมด 88 สมาคมกีฬาของประเทศไทย ซึ่งในปีล่าสุดมีเพียง 8 สมาคมกีฬาเท่านั้นที่ได้ 100 คะแนนเต็ม ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจของสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

  ขณะที่เรื่องของการควอลิฟายน์เข้าร่วมมหกรรมพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นของทัพนักกีฬาคนพิการไทยนั้น ซึ่งล่าสุดทัพคนพิการไทยคว้าโควต้าไปได้แล้วจำนวน 40 คน จากกีฬากรีฑา, แบดมินตัน, เทเบิลเทนนิส, วีลแชร์ฟันดาบ, เทควันโด, ยิงปืน และ ยิงธนู โดยทางสมาคมฯ วางเป้าไว้ว่าก่อนจะถึงช่วงจัดการแข่งขัน น่าจะมีนักกีฬาคนพิการไทยคว้าโควต้าเพิ่มได้อีกถึงประมาณ 50 คน ซึ่งจะเป็นตัวเลขของนักกีฬาที่เข้าไปแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ได้มากกว่าพาราลิมปิกเกมส์ครั้งที่แล้วที่กรุงริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิลเมื่อปี 2016 ที่มีนักกีฬาคนพิการไทยเข้าร่วมแข่งขันได้ 42 คนด้วย

     ทั้งนี้ในช่วงท้ายของการประชุมทางสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยฯ ได้ทำการมอบรถวีลแชร์ให้แก่นักกีฬาแบดมินตันคนพิการทีมชาติไทยจำนวนทั้งสิ้น 9 คัน เพื่อใช้ในการฝึกซ้อมและแข่งขันในมหกรรมการแข่งขันต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ของการกีฬาแห่งประเทศไทย

 แหล่งที่มา: สยามกีฬา https://www.siamsport.co.th/other/other/view/231978