1.ความเห็นทางการแพทย์หรือคำวินิจฉัยของแพทย์ เป็นการพิจารณาจากการซักประวัติ ตรวจร่างกายของผู้ป่วยที่มารับการดูแลรักษา โดยอาศัยเกณฑ์มาตรฐานจากเอกสารทางวิชาการที่มีความทันสมัยอย่างสม่ำเสมอ ล่าสุดองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้มีการเปลี่ยนแปลงคำจำกัดความของตาบอด (Blindness) ไว้ในปี พ.ศ. 2546 โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้คำนิยามของการสูญเสียการมองเห็นจะต้องพิจารณาจากค่าสายตาที่ได้รับการแก้ไขให้ดีที่สุดแล้วในตาข้างที่ดี การแก้ไข เช่น มองผ่านรูเล็กๆ หรือการสวมแว่นตา
2.การสูญเสียการมองเห็นมีระดับ (category) ต่างๆ ตั้งแต่ระดับ 0 ถึง 5 และระดับ 9 ดังตาราง
โดยที่ถ้าเป็นระดับที่ 3, 4, 5 จะใช้คำว่าตาบอด (blindness) ซึ่งหมายถึงความสามารถในการมองเห็นเมื่อแก้ไขแล้ว ต่ำกว่า 3/60 หรือ 20/400 โดยใช้อุปกรณ์วัดสายตาและวิธีการที่ได้มาตรฐานของจักษุแพทย์มีเพิ่มเติมในประเด็นถ้ามีการประเมินลานสายตาด้วย ไม่เกิน 10 องศาในรัศมีรอบจุดศูนย์กลางในตาข้างดีจะจัดว่ามีระดับต่ำกว่า 3 (category 3)
3.เมื่อมีการประเมินในข้อ 2 แล้วจึงนำมาบันทึกคำวินิจฉัยตามรหัสมาตรฐานสากลสำหรับการวินิจฉัยโรคและปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้อง (International statistical classification of diseases, ICD-10)ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2 ปี พ.ศ.2547 ในกลุ่มโรคการสูญเสียการมองเห็น H54 ดังนี้
H54.- Visual impairment including blindness (binocular or monocular)
Excludes: amaurosis fugax (G45.3)
H54.0 Blindness, binocular
Visual impairment categories 3, 4 & 5
H54.1 Severe visual impairment, binocular Visual impairment category 2
H54.2 Moderate visual impairment, binocular Visual impairment category 1
H54.3 Mild or no visual impairment, binocular Visual impairment category 0
H54.4 Blindness, monocular Visual impairment categories 3, 4, 5 in one eye and categories 0, 1, 2 or 9 in the other eye.
H54.5 Severe visual impairment, monocular Visual impairment category 2 in one eye and categories 0, 1 or 9 in other eye
H54.6 Moderate visual impairment, monocular Visual impairment category 1 in one eye and categories 0 or 9 in other eye
H54.9 Unspecified visual impairment (binocular)
ซึ่งมีการบันทึกคำวินิจฉัย ของการสูญเสียตาเดียวได้ในข้อ H54.4 “Monocular Blindness”
เมื่อพิจารณาตามเกณฑ์ของประเทศไทยโดยพิจารณาความพิการทางการมองเห็นตามคำนิยามดังประกาศกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เรื่อง ประเภทและหลักการความพิการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2555 จะพบว่าคนตาบอดหมายถึง คนที่มีสายตาข้างที่ดีกว่า เมื่อได้รับการตรวจแก้ไขด้วยแว่นตาแล้ว(Best corrected distance visual acuity) สามารถเห็นได้น้อยกว่า 3 ส่วน 60 เมตร (3/60) หรือ 20 ส่วน 400 ฟุต (20/400) จนถึงมองไม่เห็นแม้แต่แสงสว่าง หรือมีลานสายตาแคบกว่า 10 องศาหลักเกณฑ์การวินิจฉัยความพิการทางการเห็น นอกจากข้างต้นแล้วยังมีเพิ่มเติมประเด็นต้องสิ้นสุดการรักษาพยาบาลตามปกติ และได้รับตรวจแก้ไขด้วยแว่นตา (Refraction) แล้ว แต่ความผิดปกติหรือความบกพร่องดังกล่าวยังคงมีอยู่คนพิการตามกฎหมายประเภทนี้ จึงหมายถึงคนที่มีความผิดปกติทางการเห็นภายใต้เงื่อนไขต่อไปนี้
l เมื่อการอักเสบได้รับการรักษาแล้วอย่างน้อย 3 เดือน
l หลังการผ่าตัดเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน
l ในรายที่มีความผิดปกติของกล้ามเนื้อตา (Extraocular muscle) ต้อกระจกจากอุบัติเหตุ(Traumatic cataract) และ เลือดออกในน้ำวุ้นตา(Traumatic vitreous haemorrhage) ให้ลงความเห็นหลังได้รับอันตรายต่อตาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 12 เดือน
คนพิการทางการเห็นตามกฎหมาย ไม่ครอบคลุมบุคคลต่อไปนี้เช่น มีตาพิการหรือตาบอดเพียง 1 ข้าง
เมื่อเข้าเกณฑ์และไม่มีข้อยกเว้นต่างๆ แล้ว จึงจะสามารถให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเป็นผู้ตรวจวินิจฉัยและออกเอกสารรับรองความพิการ เพื่อประกอบคำขอมีบัตรประจำตัวคนพิการตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิต คนพิการ พ.ศ. 2550 คนพิการในการเข้าถึงสิทธิ์ต่างๆ เช่น สิทธิ์ทางการแพทย์ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการบริการฟื้นฟูสมรรถภาพโดยกระบวนการแพทย์และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ค่าอุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการ และสื่อส่งเสริมพัฒนาการสำหรับความพิการ พ.ศ. 2552 โดยเฉพาะประโยชน์ที่จะได้จากการจัดสวัสดิการทางสังคม การจัดสิ่งอำนวยความสะดวก โอกาสเข้าทำงาน และการศึกษาซึ่งคนพิการจะได้รับสิทธิ์เพิ่มขึ้นตามระเบียบของคณะกรรมการส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิต คนพิการแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขยื่นคำขอมีบัตรประจำตัวคนพิการ และการออกบัตรการกำหนดสิทธิ์หรือการเปลี่ยนแปลงสิทธิ์ การขอสละสิทธิ์คนพิการ และอายุบัตรประจำตัวคนพิการพ.ศ. 2555
ทั้งนี้ สำหรับผู้พิการที่ต้องการความช่วยเหลือสามารถใช้โทรสายด่วน 1479 คนพิการประชารัฐ ที่ให้บริการตลอด 24 ชม. หรือรายละเอียดที่ www.1479hotline.org เพื่อเป็นการช่วยเหลือคนพิการที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิฯ ผู้มีจิตศรัทธาสามารถช่วยบริจาคเงินได้ที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางละมุง ชื่อบัญชี มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เลขที่บัญชี : 342-3-04066-0 นำใบเสร็จสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ โทร. 0-2572-4042 ต่อ 8100 มือถือ 09-9394-4795
ขอขอบคุณข่าวสารจาก https://www.naewna.com/lady/columnist/49197