#NoLegsNoLimits คือแฮชแท็กที่ติดตัวมาพร้อมกับเธอคนนี้ เพราะถึงแม้จะเกิดมาอย่าง “ไร้ขา” ซ้ำยัง “กำพร้า” แต่เจ้าตัวกลับไม่เคยหยิบเอา “ข้อจำกัด” เหล่านั้น มาเป็นข้ออ้างเพื่อสร้าง “ขีดจำกัด” ในชีวิตตัวเอง
ด้วยทัศนคติแบบนี้นี่เอง ที่ทำให้ “กันยา” กลายมาเป็น “นักสร้างแรงบันดาลใจ” ชื่อดังระดับโลก ผู้พาร่างกายครึ่งท่อนของเธอไต่ไปถึงทุกระดับความฝันได้สำเร็จ ทั้งบทบาท นักกีฬาสเกตบอร์ด, นักกีฬาวีลแชร์มือรางวัล, นักแสดงฮอลลีวูด, นางแบบมืออาชีพ ฯลฯ และอีกหลากเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ที่กำลังจะถูกบอกเล่า ผ่านชีวิตที่แสนน่าทึ่งของเธอคนนี้ ที่แสดงให้คนทั้งโลกได้ประจักษ์มาแล้วว่า คำว่า “ลิมิต” ในชีวิตมันไม่มีจริง!!
“คนมักจะเข้ามาถามฉันว่า คุณมีชีวิตอยู่ได้บนก้อนเนื้อขาเล็กๆ แบบนี้ได้ยังไง คุณเดินขึ้นบันไดแบบไหน เวลาพวกเขาเห็นฉันตามท้องถนน โดยใช้สองมือของตัวเองเดินแทนขา ผู้คนก็มักจะหยิบมือถือ หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูป-ถ่ายคลิปฉัน ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นปนสงสัย (ยิ้มปลงๆ)
แต่เชื่อไหมสำหรับฉันแล้ว ฉันไม่เคยคิดเลยว่า ทำไมฉันถึงเกิดมาไม่มีขาเหมือนคนทั่วๆ ไป เพราะฉันไม่ชอบเปรียบเทียบสิ่งที่ตัวเองไม่มีกับใครๆ เวลาฉันมองตัวเอง ฉันมองไม่เห็น “ความพิการ” แต่ฉันมองเห็นชีวิตในแบบที่เป็นตัวเอง ชีวิตที่มี “เอกลักษณ์พิเศษ” ที่เกิดมาพร้อมความแตกต่าง
และฉันก็ไม่เคยบั่นทอนตัวเองเรื่องที่ต้องมีชีวิตไร้ขา เพราะมันเป็นสิ่งที่ฉันไม่สามารถไปควบคุมอะไรได้ และฉันก็ภูมิใจในแบบที่ตัวเองเป็นเสมอ ไม่ว่าคนอื่นจะมองยังไง ฉันคิดแค่ว่าสิ่งที่ฉันต้องทำ ก็แค่ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งที่ฉันเป็น มันเลยทำให้ฉันพยายามช่วยเหลือตัวเองให้ได้ทุกอย่างมาตั้งแต่ตอนเด็กๆ จนกลายมาเป็นฉันอย่างทุกวันนี้”
ถึงแม้ถ้อยคำที่ออกมาจากปากของ กันยา เซสเซอร์ (Kanya Sesser) จะไม่ได้บอกเล่าด้วยภาษาไทย แต่ผู้สัมภาษณ์กลับสัมผัสได้ถึงความหมายที่ส่งตรงมาจากหัวใจ ผ่านประโยคภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันของคนที่ได้ชื่อว่าเป็น “สาวไทย” โดยกำเนิด แต่ได้รับการอุปถัมภ์ให้ไปใช้ชีวิตในประเทศมหาอำนาจตั้งแต่อายุ 5 ขวบ จนวันนี้เธอตั้งใจบินลัดฟ้า กลับมาตอบแทนแผ่นดินเกิดอีกครั้ง ด้วยการพูดสร้างแรงบันดาลใจในงาน “No Legs No Limits ด้วยมือแห่งรัก” ที่เพิ่งผ่านพ้นไป
“ฉันเคยเป็นเด็กที่พูดน้อยมาก เพราะรู้สึกไม่ค่อยภาคภูมิใจในตัวเองเท่าไหร่ เวลาที่ต้องใช้แขนเดินต่างเท้าแล้วถูกผู้คนจับต้อง มันมักจะทำให้ฉันรู้สึกแปลกแยก แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เหมือนเป็นด่านฝึกให้จิตใจของฉันเข้มแข็งขึ้นด้วยเหมือนกัน หลังจากนั้นฉันก็ค้นพบว่า ชีวิตฉันยังสามารถทำอะไรได้อีกมากมาย แม้จะไร้ขาทั้งสองข้างก็ตาม และมันทำให้ฉันกลับมามั่นใจในตัวเองได้อีกครั้งนึง
ฉันต้องบอกตัวเองว่าทุกอย่างที่เป็นอยู่ มันก็แค่ความเป็นตัวฉัน และเป็นสิ่งที่ฉันต้องปรับตัวเข้ากับมันให้ได้ ต้องใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ให้ได้ เพราะถ้าฉันไม่ทำเพื่อตัวเอง ใครล่ะจะทำเพื่อฉันได้..จริงไหมคะ?”
ทั้งนี้ สำหรับผู้พิการที่ต้องการความช่วยเหลือสามารถใช้โทรสายด่วน 1479 คนพิการประชารัฐ ที่ให้บริการตลอด 24 ชม. หรือรายละเอียดที่ www.1479hotline.org เพื่อเป็นการช่วยเหลือคนพิการที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิฯ ผู้มีจิตศรัทธาสามารถช่วยบริจาคเงินได้ที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางละมุง ชื่อบัญชี มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เลขที่บัญชี : 342-3-04066-0 นำใบเสร็จสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ โทร. 0-2572-4042 ต่อ 8100 มือถือ 09-9394-4795
ขอขอบคุณจาก https://mgronline.com/live/detail/96100