การขับรถในขณะง่วง อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุและทำให้ผู้ขับผู้โดยสารถึงแก่ชีวิตได้ การหลับในเป็นการวูบหลับไปช่วงสั้น ๆ ส่งผลให้หมดสติไปชั่วขณะ แต่ก็นานพอที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ในขณะขับขี่
สัญญาณเตือน “อาการง่วง” ในขณะขับรถ
- หาวบ่อยและหาวต่อเนื่อง
- ใจลอยไม่มีสมาธิ
- รู้สึกเหนื่อยล้า หงุดหงิด กระวนกระวาย
- จำไม่ได้ว่าขับรถผ่านอะไรมาเมื่อสองสามกิโลเมตรที่ผ่านมา
- รู้สึกหนักหนังตา ตาปรือ ลืมตาไม่ขึ้น มองเห็นภาพไม่ชัด
- รู้สึกมึน หนักศีรษะ
- ขับรถส่ายไปมาหรือออกนอกเส้นทาง
- มองข้ามสัญญาณไฟและป้ายจราจร
ข้อควรปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยง “การง่วงในขณะขับรถ”
ก่อนเดินทางควรเตรียมตัวดังนี้
นอนหลับพักผ่อนในเวลากลางคืนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-9 ชั่วโมง
หาเพื่อนร่วมทางเพื่อพูดคุยและผลัดเปลี่ยนกันขับรถ
วางแผนการหยุดพักการขับรถทุก ๆ ระยะทาง 150 กิโลเมตร หรือทุก 2 ชั่วโมง
หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือยาที่ออกฤทธิ์ทำให้ง่วงซึม
ควรงีบหลับก่อนขับรถถ้ารู้สึกอ่อนล้า
ถ้ามีอาการผิดปกติเกี่ยวกับการนอน เช่น นอนหลับในตอนกลางวันบ่อย ๆ หรือนอนหลับยากในเวลากลางคืน ฯลฯ ควรปรึกษาแพทย์
ขณะขับขี่รถ เมื่อมีอาการของสัญญาณเตือนของการง่วง ควรจะ…
อย่าฝืนขับรถ
จอดรถในที่ปลอดภัย เพื่องีบหลับประมาณ 15 นาที ก่อนขับต่อ
สลับให้ผู้อื่นขับแทน
รับประทานของขบเคี้ยว หรือดื่มเครื่องดื่มที่ช่วยให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
เปิดหน้าต่างรถเพื่อถ่ายเทอากาศ ให้ลมโชยปะทะหน้า
เปิดเพลงดัง ๆ และร้องตามไปด้วย
ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือส่งสัญญาณปลุก กรณีมีอาการสัปหงก
การป้องกันสามารถทำได้ง่าย ๆ ที่สำคัญคือ การฝึกให้มีนิสัยการนอนหลับให้เหมาะสมและเพียงพอ มีการวางแผนและเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเดินทาง และควรจำไว้เสมอว่า “ง่วงไม่ขับ จะได้กลับอย่างปลอดภัย”
ขอบคุณ: คู่มือรู้ทันโรคและภัยสุขภาพสำหรับประชาชน โดยสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข