ชัชชาติ ลุยช่วย 23 ครอบครัวยากจน ไม่ได้เงินเยียวยา 5 พัน

ชัชชาติ ลุยช่วยคนจน

 

เมื่อวันที่ 13 เม.ย. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์  อดีตรมว.คมนาคม โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เนื่องในวันสงกรานต์ ความว่า “ในวันสงกรานต์ ปีใหม่ไทย ผมขอเป็นตัวแทนนำของที่พวกเราได้กรุณาบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยโควิดไปส่งความสุขให้ครอบครัวที่กำลังเดือดร้อนอยู่ครับ

 

ทีมงานเราได้พิจารณากลุ่มที่เปราะบางจากเหตุการณ์โควิด พบว่ามีอยู่กลุ่มหนึ่งที่อาจจะยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ คือครอบครัวของเด็กพิการซ้ำซ้อนที่ยากจน ซึ่งเวลาปกติก็เป็นกลุ่มที่มีความลำบากอยู่แล้ว เพราะต้องมีคนในครอบครัวอยู่ดูแลน้องเต็มเวลาหนึ่งคน คนที่ออกไปทำงาน เมื่อได้ผลกระทบจากการเลิกจ้าง หมายถึงกระทบต่อคนอย่างน้อยสามปากท้อง และในหลายๆครอบครัวเป็นครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว งานที่เคยเอากลับมาทำที่บ้านได้ เช่น ซักรีด ก็หมดไปเพราะคนกลัวโควิดและคนมีเวลาอยู่กับบ้านทำงานบ้านมากขึ้น และน้องๆหลายคนก็มีค่าใช้จ่ายในการดูแลที่สูงเช่น การเจาะคอ เจาะหน้าท้อง ผ้าอ้อม อาหารพิเศษ

 

พอดีกับทางชมรมเรียนรู้ฟื้นฟูเด็กพิการโดยครอบครัว-บางแค ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของผู้ปกครองเด็กพิการซ้ำซ้อน เพื่อฟื้นฟูลูกอย่างต่อเนื่องได้ติดต่อเข้ามา ทางชมรมแจ้งว่ามีอยู่ 42 ครอบครัวที่กำลังเดือดร้อนมาก ผมกับทีมงานจึงนำของที่พวกเราได้ช่วยกันบริจาคมา เป็นเงินบริจาค นมกล่อง ข้าวสาร เจลล้างมือ หน้ากาก ไปมอบให้ด้วยตนเองเพราะอยากให้มั่นใจว่าของที่พวกเราบริจาคมาไปถึงมือคนที่ลำบากจริงๆ

 

โดยวันนี้ไปในพื้นที่บางแค หนองแขม ทั้งหมด 23 ครอบครัวและพรุ่งนี้จะไปแถวคลองสาน ธนบุรี บางพลัด รวมทั้งลำลูกกาและปทุมธานี อีก 19 ครอบครัว

 

ทุกครอบครัวอยู่กันลำบากจริงๆครับ โดยเฉพาะในสถานการณ์ตอนนี้ แต่ทุกคนก็ยังยิ้มสู้และดีใจที่มีคนคิดถึงพวกเขา ผมเชื่อว่าความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะดูแลน้องๆเหล่านี้เป็นแรงผลักดันให้ทุกครอบครัวมีความเข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้ และอยากจะฝากถึงผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยว่า ทั้ง 23 ครอบครัวที่ผมได้ไปเจอในวันนี้ ยังไม่มีใครรู้เลยว่าจะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาทจากรัฐหรือไม่ หลายคนบอกว่าต้องไปอุทธรณ์ ทั้งๆที่ผมมั่นใจว่าคงมีคนอีกไม่มากหรอกครับในประเทศนี้ ที่ต้องการความช่วยเหลือมากไปกว่าคนกลุ่มนี้

 

ขอให้ความดีใดๆที่พวกเราได้ร่วมกันช่วย หรือคิดถึงกลุ่มคนที่ยากลำบากกว่าเราในช่วงเวลานี้ เป็นกำลังใจให้เราเริ่มต้นปีใหม่ด้วยจิตใจที่แจ่มใส มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีความสำเร็จในงานที่ทำ มีกำลังเหลือที่จะช่วยคนที่ลำบากกว่าเรา เราจะผ่านปีใหม่นี้ไปด้วยกัน และเราจะเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม”

 

 

 

ขอขอบคุณ  https://www.khaosod.co.th/politics/news_3943746

และ http://www.tddf.or.th/news/detail.php?contentid=0066&postid=0020896&currentpage=1

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *