ทีมวิจัยสหสาขาวิชาชีพจากคณะทันตแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น คิดค้น อุปกรณ์ปรับแต่งจมูกเพื่อผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ สุดยอดนวัตกรรม ! คว้ารางวัลประกาศเกียรติคุณจากสภาการวิจัยแห่งชาติ 2563 ตัวแทนประเทศไทยมุ่งประชันนวัตกรรมระดับโลกปีนี้
เมื่อวันที่ 23 พ.ค.รศ.ทพ.ดร. พูนศักดิ์ ภิเศก หัวหน้าทีมผู้คิดค้นอุปกรณ์ปรับแต่งจมูกสำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ออกมาเปิดเผยจากการที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นคิดค้น อุปกรณ์ปรับแต่งจมูกสำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ หรือ Nasal Creator Device โดยทีมวิจัยสหสาขาวิชาชีพจากคณะทันตแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ต้องการใช้นวัตกรรมทางการแพทย์ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ป่วยให้ดีขึ้น เนื่องจากประเทศไทยประสบกับปัญหาภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ที่มีอัตราสูง โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราการเกิดสูงที่สุดในประเทศ ซึ่งมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 600 รายต่อปี ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยทั้งด้านร่าง กาย ด้านจิตใจ รวมไปถึงการสื่อสารร่วมกับคนในสังคม
รศ.ทพ.ดร. พูนศักดิ์ ภิเศก หัวหน้าทีมผู้คิดค้นอุปกรณ์ปรับแต่งจมูกสำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า การออกแบบอุปกรณ์สำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ได้ทำการวิจัยร่วมกันในลักษณะสหสาขาวิชาชีพ ซึ่งเริ่มจากนักศึกษาทันตแพทย์ระดับปริญญาตรีได้ทำการศึกษาออกแบบพัฒนาเครื่องมือเป็นตัวต้นแบบ ตามมาด้วยการศึกษาวิจัยต่อยอดทางคลินิกโดยนักศึกษาหลังปริญญาในหลักสูตรทันตแพทย์ประจำบ้านสาขาทันตกรรมจัดฟันได้ศึกษาผลของอุปกรณ์นี้ในเชิงคลินิก ซึ่งเป็นการศึกษาต่อเนื่องที่ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1 ปีครึ่ง โดยคณาจารย์จากคณะทันตแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ ได้ร่วมกันเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการวิจัย
รศ.ทพ.ดร. พูนศักดิ์ กล่าวอีกว่าคนไข้ปากแหว่งเพดานโหว่ หลังจากที่เราทำการรักษาไปแล้ว เขายังขาดความมั่นใจ รู้สึกว่ายังมีจมูกที่ผิดรูปร่าง ดังนั้น นักวิจัยจึงได้วางแผนการรักษาออกแบบและพัฒนาเครื่องมือ ที่จะทำให้รูปร่างจมูกคนไข้ดีขึ้นโดยใช้อุปกรณ์ตัวนี้ในการรักษา ร่วมกับการเย็บแต่งจมูกและริมฝีปากครั้งแรกในช่วงแรกเกิด ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่มีความสำคัญมากที่สุด เดิมทีอุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ยังไม่มีการผลิตขึ้นมาในประเทศ จึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศในราคาชิ้นละ 3,500 – 4,000 บาท ต่อชิ้น ซึ่งคนไข้ปากแหว่งเพดานโหว่ 1 คนต้องใช้ประมาณ 3 ชิ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อผู้ป่วย 1 คน อยู่ที่ประมาณ 12,000 บาท เมื่ออุปกรณ์นี้สามารถผลิตได้สำเร็จจะทำให้ลดการนำเข้าจากต่างประเทศและต้นทุนการผลิตถูกลง เฉลี่ยชิ้นละ 200-300 บาท ทำให้ค่าอุปกรณ์ในการรักษา ลดลง 10 เท่า สามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษา
รศ.ทพ.ดร. พูนศักดิ์ กล่าวด้วยว่านอกจากนี้ อุปกรณ์ปรับแต่งจมูกสำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ยังมีคุณสมบัติโดดเด่น หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ขนาดของอุปกรณ์ที่มีความเหมาะสมกับลักษณะของจมูกของคนไข้มากกว่า เมื่อเทียบกับขนาดของอุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศ และอุปกรณ์ผลิตจากซิลิโคนทางการแพทย์ที่เข้ากันกับเนื้อเยื่อในร่างกาย มีความปลอดภัยสูง ตัวอุปกรณ์ไม่ต้องใช้ เทป ผ้า ในการติดยึด ลดการระคายเคืองจากการใช้เทปในการยึดติดกับใบหน้า และ ผลิตจากโรงงานผลิตเครื่องมือแพทย์ที่ได้มาตรฐาน อย. เพราะฉะนั้นจึงเป็นวัสดุที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ให้การรับรองเครื่องมือนี้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่ความสามารถในการรักษา ปลอดภัย และได้มาตรฐาน จึงอนุมัติให้สถานพยาบาลทั่วทุกประเทศได้ทดลองใช้ และยังได้ส่งต่อไปในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้แก่ พม่า ลาว และกัมพูชา โดยหากบริษัทผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ต่าง ๆ ให้ความสนใจ อาจสามารถผลิตและจำหน่ายได้ทั่วโลก แน่นอนว่า เราไม่ได้หวังในเรื่องของผลกำไรเชิงพาณิชย์ แต่สิ่งสำคัญที่เราคาดหวังคือ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ รวมถึงการสร้างรอยยิ้มที่สมบูรณ์ให้กับประชากรโลกก็เพียงพอแล้ว
สำหรับประวัติรศ.ทพ.ดร. พูนศักดิ์ ภิเศก หัวหน้าทีมผู้คิดค้นอุปกรณ์ปรับแต่งจมูกสำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณจากสภาการวิจัยแห่งชาติ หลังทดสอบใช้งานจริงกับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ส่งผลให้อุปกรณ์ปรับแต่งจมูกสำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ คว้ารางวัลการันตีความยอดเยี่ยมด้านนวัตกรรมมากมาย อาทิ รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2562 รางวัลประกาศเกียรติคุณจากสภาการวิจัยแห่งชาติ ประจำปี 2563 และยังได้รับคัดเลือกจากสภาสำนักงานการวิจัยแห่งชาติให้เป็นนวัตกรรมไทยในการประชันนวัตกรรมระดับโลก ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์